ภาพเดิมๆ โมนิก้าและทีมงาน

*จุดเทียนเวียนวน เรามาสองคน วนเอ๋ยวนเวียน เป็นคำร้องที่สะท้อนภาพทิศทางของตลาดหุ้นไทยได้ดีสุด ไม่มีเหตุผลอื่นมาอธิบายให้เมื่อยปาก ผสานกับมุกเดิมๆ ที่ใช้จนเริ่มชิน และเริ่มชา ทำให้หุ้นบลูชิพยังเป็นอะไรที่เก้ๆ กังๆ ไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้  เมื่อมองถึงความน่าจะเป็นของเรื่องราวทั้งหมด ยิ่งทำให้รู้ว่า ช่วงนี้หุ้นขนาดเล็กจะฮอตสุดขีดนะจะบอกให้

*ข้อมูลอีกชุดหนึ่งที่ทำให้นักเล่นเข้าใจบทบาทดังกล่าวมากขึ้น คงเป็นเรื่องสัญญาณเทคนิคที่เห็นพ้องต้องกันว่า เมื่อใดที่ดัชนีพลิกแนวต้านให้กลายเป็นแนวรับ แรงซื้อจะไหลกลับเข้ามาอีกครั้ง และในระหว่างทางจะเกิดปรากฏการณ์ยื้อกันไป ยื้อกันมา อีกพักใหญ่ๆ เว้นเสียว่า จะดันดัชนีพรวดเดียวจนทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องที่พบได้ในบางวันเจ้าค่ะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,479.07  จุด บวกไป 15.68  จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.32 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นลางบอกเหตุว่า ช่วงนี้ต้องเน้นเล่นสั้นๆ และพยายามซอยให้ถี่ขึ้น ไม่มีความจำเป็นต้องทุ่มทุนจนหมดตัว จึงขอปรบมือดังๆ ให้กับรายย่อยที่กระหน่ำปล่อยของอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ และปล่อยให้ ปอบฝีฟ้า รวมทั้งฝรั่งหัวทอง เป็นคนประคองดัชนี..ถูกต้องนะคร้า..าา

*อีกหนึ่งรายที่น่าจะมีสตอรี่ดีๆ “โมนิก้า” คงต้องเหลือบมอง MACO เป็นตัวถัดมาในทันที และประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนใคร่อยากรู้สุดคงเป็นการยืนปักหลักต้านแรงเทขายได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งมันหมายความว่า กำลังมีคนเก็บของเข้ากระเป๋าตลอดเวลาแบบนี้ ถือเป็นมูฟเมนต์ที่แฟนคลับขาลุยต้อง จัดวางระบบการลงทุนให้ดีๆ เพราะเผลอทีไร หุ้นวิ่งพรวดพราดทุกที ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 1.23 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 8.85%  ด้วยมูลค่ากว่า 350 ล้านบาท..มันน่าตามไปดูชะมัด!

*อีกหนึ่งรายที่น่าตามไปดูอย่างกระชั้นชิด คงเป็นในรายของ JAS ถ้ามองในมุมของนักติดตามผลงานหุ้นตัวนี้มาโดยตลอดจะเห็นว่า ราคาเป้าหมายหุ้นตัวนี้เขาอัพขึ้นไป เรื่อยๆ ซึ่งเป็นการรวมตัวเลขรายได้ในอนาคตยังแจ่มแจ้ง ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานกระชากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดขึ้นมายืนอยู่ที่ 6.65 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือบวกไป 4.70% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 3.10 พันล้านบาท..เดี๊ยนถึงเชื่อว่า หุ้นจะไปต่อไงล่ะตัวเอง

*เช่นเดียวกับในรายของ BEM ถ้ามองในมุมของการคัมแบ็กอย่าง สมบูรณ์แบบ จังหวะนี้ถือว่าดีสุดๆ ไม่มีอะไรต้องวอรี่ แถมมีการทดสอบแรงเทขายมาพักใหญ่ๆ กลุ่มเล่นหน้าใหม่เข้ามาแทนที่กลุ่มเดิม การซื้อขายเปลี่ยนมือยังเป็นไปตามกลไกตลาดหุ้น ยังไม่มีใครกุมหุ้นไว้ในพอร์ตแบบเบ็ดเสร็จ หุ้นถึงขยับขึ้นมาปิดที่ 7.45 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 2.57 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ต้องเล่นสั้นๆ เพื่อกระชับความปลอดภัยนะตัวเอง

*พูดถึงหุ้นแรงๆ “โมนิก้า” นึกถึง TPIPL ขึ้นมาในทันที หากมองในมุมของวอลุ่มที่ไหลทะลัก และดูการกระชากขึ้นแรงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เดี๊ยนถือเป็นจังหวะ follow buy ของนักโหนกระแส ปัจจัยอื่นไม่ต้องถามถึง สนใจแค่ข่าวที่ออกมานั้น เขาเม้าท์ราคาเป้าหมายรอบ นี้ไว้ที่ตรงไหน? และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิด  2.20 บาท บวกไป  0.04 บาท ด้วยมูลค่า 330 ล้านบาท มันส่งสัญญาณให้รู้ว่า การดันราคารอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้น บวกกับ high เดิมเดือนก่อนอยู่ที่ 2.40 บาท..ทราบแล้วเปลี่ยน!

*เม้าท์ถึงเรื่องอัพราคาทีไร “โมนิก้า” นึกถึงหุ้นร้อนที่โผล่มาให้เห็นทุกวันในทันที ครั้งนี้ไปปลุกผี EFORL ขึ้นมาเล่นอีกรอบ แถมสไตล์การปั่นกระแสเป็นลักษณะคัมแบ็กอย่าง เต็มตัว พ่วงด้วยลมปากที่บอกต่อกันไปเรื่อยๆ เลยกลายเป็นซอมบี้ฟื้นคืนชีพอย่างเต็มตัว งานนี้ไม่รู้ว่า มีอะไรดีซ่อนไว้หรือเปล่า? แต่ที่รู้ทุกครั้งคือ มาทรงนี้ทีไร จบไม่สวยทุกที ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.33 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 10%  ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาท มันเว่อร์ไปไหม? มันขึ้นอยู่กับมุมของแต่ละคนพะยะค่ะ

*ตรงกันข้ามกับ AUCT ซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็กที่ “โมนิก้า” ถือเป็นพัฒนาการที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แถมมีสตอรี่เรื่องรายได้โตโดดเด่นในครึ่งหลังปี 59 ย่อมทำให้หุ้นตัวนี้กลายเป็นทางเลือกหลักขึ้น มาทันที ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่  8.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 148 ล้านบาท บอกได้แค่ว่า นี่เป็นเรื่องของแผนงานล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นเลย แหล่งที่มารายได้ยิ่งชัด ตัวเลขกำไรยิ่งโป่ง นักลงทุนยิ่งเล่นก็เท่านั้นเอง

*เหมือนกับในรายของ IRPC  ถ้ามองในมุมของสตอรี่ และนักคำนวณสถิติ ของมันเห็นอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า กำไรโตเป็นเท่าตัวจากปีก่อนชัวร์ป้าบอีกทั้งมีเรื่องโปรเจ็กต์เพิ่มกำไรในช่วงปลายปี 59 มาเป็นตัวบิ้วด์อารมณ์ หุ้นถึงไต่ระดับขึ้นมายืนอยู่ที่ 4.80 บาท บวกไป 0.08 บาท มูลค่าการซื้อขายในระดับ 450 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า มีคนโหนกระแสเยอะจริงๆ เป้าหมายรอบนี้อยู่ตรงไหน เดี๊ยนไม่ขอพูดถึง เพราะทุกอย่างมันลงล็อกหมดแล้ว การอัพราคาเลยเกิดขึ้นตลอดเวลาไงล่ะจ๊ะ

ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก