ห้องเม่าปีกเหล็ก

TKN : สร้างแบรนด์ "เถ้าแก่น้อย" สู่ระดับหมื่นล้าน

โดย Present-moment
เผยแพร่ :
61 views

สาหร่ายภายใต้แบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” ที่รู้จักกันดีในประเทศไทย มีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับ 1 รวมกว่า 60%  ปัจจุบันนี้นำบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) : TKN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระแสตอบรับดี จากราคาเสนอขายครั้งแรก IPO ที่ 4 บาท จนมาถึงราคาล่าสุดที่ 22.70 บาท หรือหากคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกว่า (Market Cap.) 3.1 หมึ่นล้านบาท !! (ข้อมูล ณ 19/09/59)

 

 

Business Model เป้าหมายต่อไปของ TKN

ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูป รวมถึงขนมขบเคี้ยวประเภทอื่น ๆ โดยคุณต๊อบ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ กล่าวไว้ว่า ภายใน 7-10 ปี ตั้งเป้ายอดขายระดับ หมื่นล้านบาท และจะมีการจัดหน่ายผลิตภัณฑ์ไปขายทั่วโลก  โดยเริ่มจากการสร้าง แบรนด์ ให้แข็งแกร่งให้มากขึ้น (ปัจจุบันเน้นกลุ่มวัยรุ่นและคนเมือง) และการใช้เทคโนโลยีการผลิต รวมถึงระบบบริหาร, ระบบทรัพยากร, ช่องทางการจัดหน่าย  เข้ามาช่วย ซึ่ง ในปัจจุบันมี เถ้าแก่น้อย แลนด์ เน้นจับกลุ่มทัวร์จากต่างประเทศ เช่น จีน

 

สัดส่วนมูลค่าส่วนแบ่งตลาด

 

มูลค่าการส่งออกจากทั้งในและต่างประเทศ

 

รายได้และกำไรสุทธิ

 

มุมมองของนักวิเคราะห์หุ้นคุณค่า (Value Investor) โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล 

 

ดร. นิเวศน์ มองว่า ผลิตภัณฑ์ของ TKN เป็นสินค้าจำกัดเฉพาะกลุ่ม (Nick Market) ที่ส่วนแบ่งตลาดในไทยเริ่มจะอิ่มตัวแล้ว โดยสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากเมื่อปีล่าสุด ประมาณ 30% อาจจะมาจากการส่งออกที่ดีขึ้น จากลูกค่ากลุ่มจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น มาเป็น 23.95% แต่ยังไงก็ตามยังต้องมองต่อไป การส่งออกไปจีนหรือประเทศอื่น ๆ ในช่วงแรกนี้เป็นเพียงการลองเปิดตลาดเท่านั้นหรือไม่ หรือเป็นการทดลองสั่งสินค้าในช่วงแรกๆ เท่านั้น เพราะว่าจะทำให้ติดตลาดในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ยังต้องใช้เวลาในการทดสอบอีกซักระยะ 

 

นอกจากนั้น ดร. นิเวศน์ยังมองว่าตลาดในเอเชียมีโอกาสเติบโตได้มากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ เนื่องจากรสนิยมการบริโภคที่ใกล้เคียงกันมากกว่า แม้ว่างบกระแสเงินสด TKN จะดี แต่ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่นัก เพราะเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว  หากมองในเรื่องของราคา P/E, P/BV ตลาดค่อนข้างจะให้ราคาที่สูง จึงต้องดูถึงโอกาสในการเติบโตของรายได้และกำไรจะเติบโตได้ทันหรือไม่ และจะรักษาความสามารถในการโตให้ได้เช่นนี้อยู่ได้หรือเปล่าด้วย  

 

สำหรับ ดร.วิศิษฐ์ มองว่า ยอดขาย 3.5 พันล้าน ยังเติบโตได้ จากยอดการส่งออกที่ระดับ 40% ที่มีโอกาสเติบโตได้อีก และ TKN มี กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่โดดเด่น (Operating Cash-flow)และ TKN มีงบการเงินของ EBIT หรือ Earnings before Interest and Tax กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ดีขึ้นอย่างมากด้วยจากงบเมื่อปีล่าสุด แสดงถึงค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่ลดลงไปด้วย

 

เมื่อเทียบมูลค่า Market Cap. กับ ยอดขายยังค่อนข้างแตกต่างกันมาก สะท้อนว่าตลาดให้ราคาหุ้นที่สูงอยู่ จึงต้องดูด้านความเสี่ยงของด้านอัตราการเติบโตของรายได้และกำไร อัตราส่วนนี้ควรที่จะสูงตามทันP/E, P/BV ด้วยเช่นกัน ดังนั้นในอนาคต TKN จะเติบโตต่อไปได้ ต้องพยายามหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และต้องหาตลาดใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตให้ได้ และมองกันต่อไปถึงว่าสัดส่วนการส่งออกจะยังดีได้อยู่อีกไหม และมูลค่าการส่งออกไปต่างประเทศเป็นอย่างไรต่อไป  

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : รายการ Business Model ในช่อง Money Channel , SET, http://www.taokaenoi.co.th/


Present-moment