คิดเป็นเห็นก่อน - หุ้นจะขึ้นหรือ
ลงสะท้อนจากผลการดำเนินงาน
อ่านเพิ่มเติม คลิ๊ก https://www.thunhoon.com/kce-90/
หุ้นจะขึ้นหรือลงสะท้อนจากผลการดำเนินงาน
ในตลาดหุ้นนั้น ราคาหุ้นจะมีการปรับไปสู่ระดับราคาที่สมเหตุสมผลตามปัจจัยพื้นฐานเสมอ และจะเป็นตัวขับเคลื่อนผลักดันตลาดให้เดินหน้าไปได้ วันนี้พฤติกรรมการลงทุนที่หวังแสวงหาการทำกำไรจากตลาดหุ้น รวมทั้งหวังที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการลงทุน นักลงทุนควรเน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี มีพีอีที่ต่ำ มีอนาคตเติบโตทางธุรกิจได้เป็นอย่างดีตามความสามารถที่แท้จริง การลงทุนของเราก็มีโอกาสประสบความสำเร็จที่งดงามตามไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญเมื่อตลาดหุ้นสามารถปรับตัวดีขึ้นได้ดังที่คาดหวังแล้ว เราเหล่านักลงทุนจะทำมาหากำไร กอบโกยความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นที่ดีขึ้นได้มากน้อยเพียงใด และจะหลีกหนีความเสี่ยงจาการลงทุนโดยไม่ลงทุนหรือเล่นกับหุ้นแล้วขาดทุนเสียหายในจังหวะที่หุ้นปรับตัวดีขึ้นได้อย่างไร ก็เท่านั้นเอง
จากบทวิเคราะห์ที่ให้คำแนะนำเก็บสะสมในหุ้นช่วงเวลานี้ ก็เป็นจุดที่นักวิเคราะห์ได้มองเห็นทิศทางแนวโน้มแล้วว่าคงมีความสดใสของตลาดหุ้นในเชิงบวก เพราะหุ้นที่มีพื้นฐานดี ให้ผลตอบแทนในแง่ปันผลที่ดียังมีอยู่มาก หลังจากนี้ที่บรรดาบริษัทจดทะเบียนจะทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ออกมา ราคาหุ้นจะค่อย ๆ ตอบสนองต่อผลการดำเนินงานที่ประกาศออกมานั่นเอง
สำหรับการคาดการณ์ การประเมิน การวิเคราะห์ และการแนะนำ จากบรรดานักวิเคราะห์สำนักต่างๆ หากแนวโน้มของผลการดำเนินงานเติบโตดี ก็จะมีผลต่อทิศทางแนวโน้มของหุ้นในช่วงจังหวะเวลานั้นให้เกิดความคึกคักตามมาได้อีก นักลงทุนจะได้มองเห็นภาพของปัจจัยที่เกี่ยวพันส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกระทบที่แท้จริงของบริษัทจดทะเบียนในตลาด ในแต่ละช่วงเวลา ให้เราได้เฝ้าประเมินดูกัน หากพิจารณาได้ ประเมินรู้ได้อย่างแท้จริง นักลงทุนก็สามารถวางกรอบกำหนดแผนการลงทุนที่หวังผลสำเร็จ สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยได้เช่นกันครับ
ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงจังหวะปรับฐาน เป็นผลมาจาก Set Index มีการปรับขึ้นมาเยอะแล้วก่อนหน้า จึงจำเป็นต้องรอปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นเพิ่มซึ่งเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ปัจจัยต่างประเทศที่ยังไม่ชัดเจนส่งผลกดดันต่อทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติให้ชะลอการลงทุนและมีการขายหุ้นออกมาบางส่วน โดยประเด็นการปรับลดงบดุลของ เฟด ที่จะเริ่มในเดือนหน้า นโยบายปฎิรูปภาษีครั้งใหญ่ของสหรัฐฯเริ่มมีความชัดเจนขึ้น ก็ทำให้สถานการณ์ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า กระทบกระแสเงินไหลเข้าชะลอตัว
อย่างไรก็ตามเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกและเกี่ยวเนื่องที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีโครงสร้างรายได้ส่วนใหญ่เป็นเงินตราต่างประเทศ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI และบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เพราะบริษัทเหล่านี้มีโครงสร้างรายได้หลักที่เป็นเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ได้รับประโยชน์เนื่องจากเป็นผู้ส่งออก ได้แก่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC, บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ VNG ส่วนบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้ประโยชน์ จากผู้รับเหมาที่เน้นรับงานจากต่างประเทศ ได้แก่บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL, บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI อย่างไรก็ตามในการที่จะเลือกลงทุนจำต้องคำนึงถึงปัจจัยรอบด้านในทุกมิติ ค่าเงินบาทก็ถือเป็นอีกมิติหรือปัจจัยที่เราต้องจับตามมองถึงความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อภาพโดยรวมของตลาดด้วย
สรุปแล้วทิศทางการขับเคลื่อนที่แท้จริงของตลาดหุ้นและราคาหุ้นนั้น ต้องสะท้อนออกมาจากผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงของบริษัทจดทะเบียนนั้นๆนั่นเอง อาจมีอาการแกว่งตัวได้บ้างตามสถานการณ์จากปัจจัยกระทบในบางช่วงเวลา สุดท้ายก็จะปรับเข้าสู่สมดุลที่ควรจะเป็นเสมอ