คัดหุ้นเด่นกลุ่มอสังหาฯ “ตัวท็อป”
จับตา! แรงเก็งกำไรก่อนเข้าฤดูจ่ายปันผล

.
คอลัมน์โพยหุ้นประจำวันจันทร์ Wealthy Thai ได้หยิบยกหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มาเล่าให้นักลงทุน หลังจากเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปีกันแล้ว หุ้นกลุ่มนี้ถือว่าอยู่ในเรด้าของนักลงทุนมาตลอดในช่วงนี้ เนื่องจาก มีการประเมินกันว่า ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯมีแนวโน้มดีโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม เนื่องมักมีการเก็งกำไรเข้ามาก่อนการประกาศงบไตรมาส 4 และก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูจ่ายปันผล
.
หากเข้าไปถอดการประเมินของนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ที่มีความเห็นว่า ล่าสุดได้ทำการศึกษา pattern ของราคาหุ้นอีกครั้งตามที่เคยเผยแพร่ไปแล้วเมื่อไตรมาส 4/62 โดยได้เก็บรวมรวมข้อมูลราคาหุ้นอสังหาฯ 8 รายหลักที่ดูแลอยู่ซึ่ง
.
ได้แก่ ANAN, AP, LH, LPN, PSH, QH, SPALI และ SIRI ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 พฤษภาคมของปี 52-65 (2009-22) โดยได้ทำการสร้างดัชนีกลุ่มอสังหาฯขึ้นมาจากราคาหุ้นทั้ง 8 ตัวดังกล่าวและปรับฐานใหม่เป็น 100 ซึ่งเริ่มจากวันที่ 1 พฤศจิกายนของทุกปี
.
ทั้งนี้จึงยืนยันผลการศึกษาเดิมว่าราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯมักจะ outperform ได้ดีเมื่อเทียบกับตลาดในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี เพราะมีกระแสเก็งกำไรเข้ามาก่อนประกาศงบไตรมาส 4 (ปลายเดือนกุมภาพันธ์) และฤดูจ่ายเงินปันผลของกลุ่มอสังหาฯ (มีนาคม – เมษายน)
.
ทั้งนี้เนื่องจากกำไรในไตรมาส 4 ของบริษัทในกลุ่มอสังหาฯส่วนใหญ่จะเป็นช่วงสูงสุดของรอบปี เพราะเป็นช่วง peak ของการเปิดโครงการใหม่และเป็นช่วงที่มีรายได้ยอดโอนสูงสุด โดยเนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4 ของกลุ่มอสังหาฯมักจะประกาศออกมาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม ดังนั้นพบว่านักลงทุนมักจะเริ่มสะสมสถานะ long ก่อนการประกาศงบเพราะคาดว่าผลประกอบการจะออกมาแข็งแกร่ง
.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเก็งกำไรต่อเนื่องจากประเด็นการเข้าสู่ฤดูกาลจ่ายปันผลด้วย เพราะบริษัทอสังหาฯมักจะจ่ายปันผลหรือขึ้น XD ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน โดยการขึ้น XD รอบแรกของหุ้นในกลุ่มจะเริ่มจากปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งได้แก่ LPN, PSH, SPALI และ SIRI ขณะที่การขึ้น XD รอบสองของ ANAN, AP, LH และ QH มักจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม
.
ถ้าหากตัดข้อมูลในช่วงปีที่มีสถานการณ์ไม่ปกติออกไป ซึ่งได้แก่ปีที่มีน้ำท่วมใหญ่ปี 53/54, ความไม่สงบทางการเมืองในปี 56/57, การนำมาตรการ LTV มาใช้ในปี 61/62 และการระบาดของ COVID-19 ในปี 62/63 พบว่าผลตอบแทนจากราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯจะเฉลี่ยอยู่ที่ 11% โดยให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 6 ปีจากทั้งหมด 9 ปีของการสำรวจ
.
ทั้งนี้ยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอสังหาฯที่ NEUTRAL แนะนำเลือกลงทุนเป็นรายตัว โดยเลือก AP ( แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 14.30 บาท) เป็นหุ้นเด่น เพราะมองว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเป็นแบบค่อนเป็นค่อยไปและไม่ทั่วถึง รวมทั้งมองว่ากลุ่มคอนโดมิเนียมอาจจะฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนมากขึ้นในปีหน้าท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และสภาพการจราจรที่ติดขัดในย่านใจกลางเมือง
.
นอกจากนี้มองว่ายอด Presales อาจจะมีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมากขึ้น เพราะยอดโอน และกำไรของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มจะทรงตัวในปีหน้า หลังการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่มีน้อยในช่วงที่ COVID-19 ระบาดในปี 63-64
สำรวจบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหุ้นอสังหารายใหญ่
.
หากเรียงจากมูลค่ามาร์เก็ตแคปล่าสุด เริ่มจาก LH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนะนำ “ซื้อ” พร้อม Rollover ไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 11.10 บาท/หุ้น หลังการปรับประมาณการปี 2566 ขึ้น 7% แม้บริษัทเลื่อนแผนการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าใน USA แต่ไม่มีนัยสำคัญต่อการประเมินมูลค่าหุ้น เนื่องจากเป็นรายการพิเศษที่ฝ่ายวิจัยและ Bloomberg Consensus ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
.
อย่างไรก็ดี ถือเป็น Upside risk ต่อกำไรสุทธิและเงินปันผลปี 2566 หากธุรกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จภายในปี 2566 นอกจากนี้ คาดเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 65 ที่ 0.35 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 3.8% ช่วยจำกัด Downside risk ในระยะสั้น
.
ต่อมา SPALI โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 25 บาท มองว่า SPALI ถือว่าปลอดภัย เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากกลุ่มแนวราบสูงกว่า 50% และมี Backlog ที่แข็งแกร่งจากคอนโดที่ทยอยสร้างเสร็จ และมียอด Backlog รวม 2.3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน SPALI เทรดที่ P/E 5 เท่า ยังตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และมีระดับ Dividend Yield ที่ ราว 5.4% มี Gross Margin ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม จึงมีความน่าสนใจในการลงทุน
.
ตามด้วย PSH โดยนักวิเคราห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่า แนะนำ ซื้อ PSH ราคาเป้าหมาย 14.20 บาท โดยคาดว่าโมเมนตัมของกำไรสุทธิในไตรมาส 4/65 จะเป็นจุดสูงสุดในปี 65 เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่พร้อมโอนอีก 4 โครงการ ทั้งนี้ จากราคาหุ้น PSH ที่ไม่แพง ในขณะที่คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดปี 65-66 จะอยู่ราว 8% จึงยังคงคำแนะนำซื้อโดยประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 14.20 บาท (จากเดิมที่ 16.00 บาท)
.
ขณะที่ SIRI นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ให้คำแนะนำ ซื้อ SIRI ราคาเป้าหมายที่ 2.11 บาท สะท้อนศักยภาพการเติบโตที่สูงของกลุ่มแนวราบ แผนเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ในปี 65-67 รายได้ที่แน่นอนแล้วในปี 65 มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูดระดับ 6.3-7.8%
.
สุดท้าย ORI นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 12.60 บาท/หุ้น มองว่า ORI ควรถูกซื้อ ขายบน PER ที่เป็น Premium อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มจากการมีบริษัทลูกที่จะสร้าง S-Curve ในการเติบโตระยะกลาง-ยาวเป็นจำนวนมาก
.
นอกจากนี้ ORI ยังมีจุดเด่นคือนโยบายการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังของปีในสัดส่วนที่สูงราว 80% (แบบบวกลบ) เมื่อเทียบกับปันผลทั้งปี ซึ่งคาดเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 65 ที่ 0.45 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 4.4%