ทองคำยังไม่หยุด

ราคาทองคำกำลังจะปิดบวกต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 หลังเฟดเพิ่งลดดอกเบี้ยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ปีนี้ราคาทองพุ่งแล้วกว่า 39% กลายเป็นสินทรัพย์ที่โดดเด่นที่สุด ขณะที่หุ้นและพันธบัตรยังแกว่งตัวจากสัญญาณเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน

การลดดอกเบี้ยทำให้การถือทอง “ไม่เสียโอกาส” เท่าเดิม และเมื่อเศรษฐกิจยังเสี่ยงถดถอยกับผลตอบแทนแท้จริงที่ติดลบ นักลงทุนจึงยิ่งมองทองเป็น portfolio insurance ที่ถือแล้วอุ่นใจ

Triple Threat ดันราคาทอง

ทองพุ่งแรงจาก 3 แรงกดดันใหญ่

1. สงครามการค้า – ภาษี ยิ่งผลักต้นทุนและเงินเฟ้อ

2. เงินเฟ้อดื้อด้าน ไม่ยอมลงตามเป้า

3. เฟดผ่อนคลาย เพราะห่วงเศรษฐกิจชะลอ

สถานการณ์นี้คือ stagflation cocktail ที่หุ้น-บอนด์เจ็บ แต่ทองกลับยืนแข็ง

อินเดียซื้อทองหนัก

อินเดียเข้าสู่เทศกาล Dussehra และ Diwali ซึ่งเป็น peak season ของการซื้อทอง ราคาพรีเมียมแตะสูงสุดรอบ 10 เดือน ตรงกันข้ามกับจีนที่ยังมีส่วนลด

เมื่อผู้บริโภครายใหญ่อันดับ 2 ของโลกเร่งซื้อช่วงอุปทานจำกัด ก็ยิ่งช่วย “ปูพื้น” ให้ราคาทองไม่หลุดง่าย

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วง

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนกันยายนลดลงเหลือ 55.4 ต่ำสุดในรอบครึ่งปี สะท้อนความกังวลค่าครองชีพและความมั่นคงในงาน

น่าสนใจคือ Wall Street ดีใจกับเฟดลดดอกเบี้ย แต่ Main Street กลับไม่เชื่อ และหันไปสะสม real assets อย่างทองและเงินแทน

Ray Dalio เตือนวิกฤตหนี้สหรัฐฯ

มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Bridgewater อย่าง Ray Dalio ออกมาชี้ว่าหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ทะลุ 33 ล้านล้านดอลลาร์ กำลังเข้าสู่จุดไม่ยั่งยืน และในภาวะแบบนี้ “ทองและสินทรัพย์จริง” คือผู้ชนะ

คำพูดสำคัญคือ “รัฐบาลพิมพ์เงินได้ แต่พิมพ์ทองไม่ได้”

ยิ่งทำให้นักลงทุนสถาบันเริ่มโยกเงินเข้าสินทรัพย์ที่มีจำกัด

สรุป

• เฟดลดดอกเบี้ย + ความเสี่ยงถดถอย = ทองยิ่งแข็ง

• อินเดียหนุนดีมานด์จริง ทำให้ราคามีฐานรองรับ

• ความกังวลผู้บริโภคและหนี้สหรัฐฯ กลายเป็นตัวเร่ง

ทองคำไม่ได้เป็นแค่เครื่องประดับ แต่คือ “เงินที่ไม่มีใครพิมพ์เพิ่มได้” และกำลังกลับมามีบทบาทในพอร์ตของทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันทั่วโลก

ที่มาเนื้อหา.  KIM Property Live