แรงขายกลุ่มโรงไฟฟ้าและหุ้น DELTA กดดัชนี SET ปิดลบ 0.09 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 8 พ.ย.ปิดที่ระดับ 1,626.13 จุด ลดลง 0.09 จุด (-0.01%) มูลค่าการซื้อขาย 86,639.98 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ปรับขึ้นทำระดับสูงสุด 1,635.62 จุด และระดับต่ำสุด 1,621.35 จุด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนในกรอบแคบ โดยช่วงเช้าดัชนีฯปรับตัวขึ้นได้ในระดับหนึ่งก่อนเผชิญแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้น DELTA เป็นหลัก
สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้านั้นบางบริษัทงบฯไตรมาส 3 ออกมาต่ำกว่าคาดสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ส่วนหุ้น DELTA กดตลาดลงเกือบ 6 จุด รับแรงกดดันจากตลาดหลักทรัพย์จะปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนีโดยใช้ Cash Balance เข้ามาพิจารณาด้วย ทำให้ DELTA มีโอกาสที่จะถูกถอดออกจาก SET50 และ SET100
อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง, หุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดขึ้นตามราคาน้ำมันพุ่ง และหุ้นในกลุ่มแบงก์ก็ถือว่ายังดีอยู่ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เช่นเดียวกับตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้ที่แกว่งบวก-ลบ
สัปดาห์นี้ให้รอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 พ.ย., การปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ในวันที่ 11 พ.ย., ทิศทางราคาน้ำมัน, ความคืบหน้ายาต้านโควิด-19 รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐและจีน
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ย.) น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบ โดยมีแนวรับ 1,610-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630-1,640 จุด
5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด
- KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,527.34 ล้านบาท ปิดที่ 149.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
- GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 4,786.23 ล้านบาท ปิดที่ 4.74 บาท ลดลง 0.66 บาท
- AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,712.94 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
- DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,257.62 ล้านบาท ปิดที่ 391.00 บาท ลดลง 61.00 บาท
- GPSC มูลค่าการซื้อขาย 3,215.97 ล้านบาท ปิดที่ 76.00 บาท ลดลง 2.50 บาท