BANPU: คาดกำไรจะฟื้นตัวอย่างมากในครึ่งหลังของปี 68

BANPU รายงานผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1/2568 ที่ 483 ลบ. (กำไรต่อหุ้น (EPS): -0.05 บาท) แย่ลง 131% YoY แต่ปรับตัวดีขึ้น 79% QoQ ผลการดำเนินงานนี้แย่กว่าที่เราประมาณการไว้ 140 ลบ.
ภาษีศุลกากรตอบโต้อาจผลักดันราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ให้สูงขึ้น...เราคาดว่าธุรกิจก๊าซธรรมชาติของ BANPU จะได้รับประโยชน์จากภาษีศุลกากรตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ สูงขึ้น ด้วยสาเหตุหลัก 2 ประการ ได้แก่ 1) ความต้องการก๊าซ LNG ของสหรัฐฯ ที่อาจเพิ่มขึ้นจากประเทศคู่ค้าเพื่อลดดุลการค้า และ 2) ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการผลิตก๊าซธรรมชาติที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ในสหรัฐฯ ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวพบว่าราคาก๊าซธรรมชาติของ Henry Hub ที่เพิ่มขึ้น 0.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ/mmbtu อาจส่งผลให้กำไรของ BANPU เพิ่มขึ้นปีละ 1.5 พันลบ. (+25%)
…ในขณะที่ downside ต่อราคาถ่านหินมีอยู่อย่างจำกัดในระยะสั้น เราคาดว่าจะมี downside ต่อราคาถ่านหินจะจำกัดในระยะสั้น เนื่องจาก 1) ราคาสัญญาระยะยาวระหว่าง Glencore และผู้ผลิตไฟฟ้าญี่ปุ่นของช่วงเดือน เม.ย.-ก.ย.2568 ยังอยู่ในระดับสูงที่ 130 ดอลลาร์ฯ/ตัน 2) การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงก่อนหน้านี้อาจส่งผลให้มีการเพิ่มสต๊อกถ่านหินและนำเข้าถ่านหินมากขึ้น 3) ความเป็นไปได้ที่สูงขึ้นที่จะเกิดปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งอาจทำให้ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ซีกโลกใต้เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจำกัด upside ต่อปริมาณการผลิตถ่านหินในอินโดนีเซียและออสเตรเลียในช่วงปลายปี
มูลค่าหุ้นไม่แพง หากอิงจากราคาหุ้นล่าสุดของ BKV (22.25 ดอลลาร์ฯ/หุ้น) และ BPP (6.90 บาท/หุ้น) ที่คิดเป็นมูลค่าหุ้น 4.44 บาท/หุ้น ในราคาหุ้น BANPU ล่าสุดที่ 4.68 บาท/หุ้น ดังนั้น หมายความว่าตลาดให้มูลค่าธุรกิจถ่านหินของ BANPU ที่ 0.24 บาท/หุ้น คิดเป็นเพียง 7% ของมูลค่าหุ้น ITMG ที่ BANPU ถืออยู่ และไม่นับมูลค่าธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลียและจีนของบริษัท หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือส่วนลดต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของบริษัทฯ หรือที่เรียกว่าส่วนลดกลุ่มบริษัท (conglomerate discount) เพิ่มขึ้นจากระดับปกติ 10% เป็นประมาณ 20%
แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 5.10 บาท คาดกำไรจะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี 68 โดยมูลค่าหุ้นที่ PBV ที่ -1.75SD คิดเป็นส่วนลดจาก NAV มากขึ้นจาก 10% เป็น 20%ds