ห้องเม่าปีกเหล็ก

นักเศรษฐศาสตร์เอกของโลก

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
75 views

นักเศรษฐศาสตร์เอกของโลก :

1) อาดัม สมิธ ( Adam Smith ) ถือว่าเป็นบิดาของเศรษฐศาสตร์ และเป็นผู้เขียนหนังสือ " The Wealth of Nations " อาดัม สมิธเป็นผู้ให้กําเนิดทฤษฎีการค้าเสรี การแบ่งงานกันทํา การจัดสรรทรัพยากร การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ตลอดจนมือที่มองไม่เห็น ( Invisible Hand ) อันโด่งดังในระบบเศรษฐกิจแบบตลาด ( Market Economy ) อย่างไรก็ตาม ระบบเศรษฐกิจตามความหมายของ อาดัม สมิธ นั้นจะครอบคลุมเฉพาะการผลิตสินค้าทางด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมเท่านั้น โดยไม่รวมภาคบริการเข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจ

2) อัลเฟรต มาร์แชลล์ ( Alfred Marshall ) : ผู้ที่ต่อยอดแนวความคิดของ อาดัม สมิธ โดยรวมเอาภาคบริการเข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจด้วย อัลเฟรต มาร์แชลล์ เขียนหนังสือ หลักเศรษศาสตร์ ( Principle of Economics )

3) จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ ( John Maynard Keynes ) : ผู้เขียนหนังสือ " The General Theory of Employment, Interest and Money เป็นที่แนะนําให้ใช้นโยบายทางด้านการคลังเข้ามาแทรกแซงระบบเศรษฐกิจ หลักการนี้ได้นํามาใช้อย่างได้ผลในช่วงการตกตํ่าครั้งใหญ่ใน ปี ค.ศ 1929 ( The Great Depression ) การตกตํ่าของเศรษฐกิจครั้งใหญ่ครั้งนี้ได้ลุกลามไปทั่วโลก เฉพาะสหรัฐอเมริกาเอง อัตราการว่างงานได้สูงถึง 25%ของแรงงานรวม ประธานาธิบดี แฟรงกลิน เดลาโน รุสเวลต์ ( Franklin Delano Roosvelt  ) ได้นําแนวทางนี้มาฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยใช้นโยบาย New Deal ในการสร้างงานให้คนอเมริกัน แล้วเศรษฐกิจก็ได้พลิกฟื้นขึ้นมาดีต่อเนื่องในระยะเวลาต่อมา ( หลักเศรษฐศาสตร์ของเคนส์ อาจจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Demend Side Economics )

4) มิลตัน ฟรีดแมน ( Milton Friedman ) : นโยบายด้านการคลังใช้ได้ผลตั้งแต่สมัย ประธานาธิบดี แฟรงกลิน เดลาโน รุสเวลต์ เป็นต้นมา จนกระทั่งเกิดวิกฤติการณ์พลังงานครั้งที่ 1 ใน ปี ค.ศ 1973 ทําให้เกิดเงินเฟ้ออย่างรุนแรง และ มิลตัน ฟรีดแมนได้เสนอให้ใช้นโยบายการเงินในการแก้ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ และใช้ได้ผลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

5) Robert Mundell นโยบายการเงินใช้ได้ผลเรื่อยมา แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาบางด้านของเศรษฐกิจที่ตกตํ่าได้ จึงมีการนำ Supply Side Economics มาใช้ในสมัยอดีตประธานาธิบดี Ronald Reagan และในปัจจุบันคือสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก็ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดี Supply Side Economics เป็นเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการลดภาษี  และลดการควบคุมภาครัฐ มีผลทำให้กระตุ้นให้เกิดการผลิตสินค้าจำนวนมากขึ้น และทำให้ต้นทุนการผลิตที่ถูกลง ในเมื่อสินค้าราคาถูกลง ก็เลยไปกระตุ้นการใช้จ่ายให้มากขึ้น และ ในขณะเดียวกัน ประชาชนก็มีงานทำมากขึ้นจากการขยายกำลังการผลิต ในส่วนของการลดการควบคุมภาครัฐก็จะไปทำให้มีการส่งเสริมให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้นใหม่ๆ หรือกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมขึ้นในภาคเอกชนเช่นเดียวกัน

หมายเหตุ : ที่มาจาก (  www.google.com ) 

 


ศักดิ์