
แสกนหุ้นสุดยอดปันผล
ช่วงที่ตลาดหุ้นแกว่งแคบ ไร้ประเด็นชี้นำดัชนี ถือเป็นจังหวะที่ต้องเรียกว่า “ปราบเซียน” อย่างมาก ไม่ใช่แค่นักลงทุนที่เทรดหุ้นรายวันเท่านั้นที่จะปวดหัวกับบรรยากาศแบบนี้ แต่นักลงทุน “หุ้นคุณค่า” หรือ กลุ่มValue Investor (VI) ก็อาจจะต้องกุมขมับเหมือนกัน
เรื่องนี้ “ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร”นักลงทุนรายใหญ่ สไตล์VI ที่โด่งดังคนหนึ่งของประเทศไทย ยังถึงกับออกปากเลยว่า “ตอนนี้ลงทุนยากมาก” เพราะตลาดไม่มีประเด็นที่จะชี้นำอย่างชัดเจน ทำให้ต้องอยู่ในเกม “กำเงินสด” เพื่อเฝ้ารอหุ้นที่น่าลงทุน และส่งผลให้ตอนนี้เขามีเงินในมือมากที่สุดในประวัติศาสตร์การลงทุน!!!
แล้วนักลงทุนVI อย่าง “ดร.นิเวศน์” ถือเงินสดเพื่อรอหุ้นแบบไหน?
เฉลยง่ายๆแบบที่ไม่ต้องลุ้นนานๆ (เพราะพื้นที่เขียนจำกัด) คือ…เมื่อสภาพตลาดแกว่งแคบ ไร้ทิศทาง หุ้นที่มี “ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้นต่ำ” (P/E) และมี “อัตราเงินปันผลระดับสูง” (High Dividend Yield) ย่อมเป็นดาวเด่นที่VI จ้องมองมากที่สุด… ฟังแล้วก็เหมือนดูจะธรรมดามาก แต่เอาเข้าจริงๆ กลับหาไม่ง่ายอย่างที่คิด แถมหุ้นที่ติดอันดับ มี P/E ต่ำ และเงินปันผลสูง ก็อาจจะไม่ได้รวมอยู่ในหลักทรัพย์เดียวกัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะหาหุ้นสไตล์ที่ “ดร.นิเวศน์”ต้องการได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาไม่ได้ เพราะจากการค้นหาข้อมูล พบว่า มี 5 บริษัทซึ่งมี P/E ต่ำเพียง 6-7เท่า แถมให้เงินปันผลสูงประมาณ 5 % (คาดการณ์เงินปันผลปี 2559) ได้แก่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AP) บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI)
แต่ถ้าใครชอบแนวปันผลอย่างเดียวแบบสูงปรี๊ด 7-8% (คาดการณ์ปี 2559) ก็มีหุ้นที่น่าสนใจ 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (INTUCH) บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (BJCHI) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) (ข้อมูลอ้างอิงจาก : บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน)
หุ้นพีอีต่ำ 6-7เท่า – จ่ายเงินปันผลสูงราว 5% |
หุ้นจ่ายปันผลสูง7-8% |
-บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AP)
-บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) -บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) -บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP) -บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) |
-บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (INTUCH)
-บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (BJCHI) -บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) -บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) -บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) |
(หมายเหตุ : ประมาณการณ์งวดปี 2559 ที่มา : บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน)
ถึงจุดนี้ขออธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับ นักลงทุนที่สนใจหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลเหล่านี้ ควรถือลงทุนในระยะ 1 ปี เพราะคาดการณ์ที่โบรกเกอร์ระบุมานั้น เป็นการประเมินเงินปันผลในกรอบปี นอกจากนี้ยังมีจุดที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ “การทำความเข้าใจธุรกิจ” เพราะบางบริษัทแม้จะมีเงินปันผลสูง แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงได้ เช่น ธุรกิจในกลุ่มสื่อสาร ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงในการประมูล 4 G
แม้ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่จังหวะลงทุนของ VI แต่ถ้าตั้งมั่น และรอจังหวะซื้อเมื่อหุ้นต่ำกว่ามูลค่า เช่นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ก็ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
สรุป…
ช่วงที่ตลาดหุ้นแกว่งแคบ ไร้ประเด็นชี้นำดัชนี ทำให้แม้แต่นักลงทุนรายใหญ่ สไตล์ Value Investor (VI) อย่าง “ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” ยังต้องกำเงินสดรอจังหวะลงทุนที่เหมาะสม ยกเว้นเสียแต่ว่า จะมีหุ้นน้ำดีที่ “ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้นต่ำ” (P/E) และมี “อัตราเงินปันผลระดับสูง” (High Dividend Yield) ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับราคาเหมาะสม ก็จะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ VI จะไม่พลาดสำหรับการกระโดดเข้าไปลงทุนแน่นอน
ที่มา .
https://www.youtube.com/watch?v=UtN0P0X_w5M&feature=youtu.be