ห้องเม่าปีกเหล็ก

3 บริษัทปั๊มน้ำมันรายใหญ่ของไทย จะเติบโตแค่ไหน

โดย กาลเวลา
เผยแพร่ :
2,403 views

3 บริษัทปั๊มน้ำมันรายใหญ่ของไทย

จะเติบโตแค่ไหน เมื่อไตรมาส 2 มีวันหยุดยาว

.

ในช่วงไตรมาส 2/66 ถือว่าเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งวันหยุดเนื่องในวันสำคัญต่างๆ เป็นต้น ทำให้มีการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น

.

ดังนั้น Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจดูว่า 3 บริษัทเจ้าของสถานีบริการน้ำมันรายใหญ่ของไทย ช่วงไตรมาส 2/66 ผลงานจะมีความน่าสนใจหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 3 บริษัทไม่ได้มีแค่สถานีบริการน้ำมันเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายธุรกิจที่สนับสนุนผลประกอบการในภาพรวมอีกด้วย

.

มาเริ่มกันที่ OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ล่าสุดไตรมาส 1/66 บริษัทมีสถานีบริการน้ำมัน 2,168 สาขา ส่วนธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม 4,170 สาขา แบ่งเป็น ร้าน Cafe Amazonในประเทศไทย 3,927 สาขา จำแนกเป็นสาขาในสถานีบริการ 2,155 สาขา และนอกสถานีบริการ 1,772 สาขา รวมทั้งมีร้าน Cafe Amazon ในต่างประเทศ จำนวน 20 สาขา

.

รวมทั้งร้านเท็กซัส ชิคเก้น มีเครือข่าย 104 สาขา ส่วนร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นมีเครือข่าย 119 สาขา ได้แก่ เพิร์ลลี่ทีและ Pacamara Coffee Roasters สำหรับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆมีร้านสะดวกซื้อภายใต้ แบรนด์ 7-Eleven และภายใต้แบรนด์จิฟฟี่ ในประเทศไทย 2,155 สาขา โดยร้าน Cafe Amazon ไตรมาส 1/66 มีปริมาณจำหน่ายรวม 91 ล้านแก้ว เติบโต 9.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ยังมองบวกต่อภาพรวมไตรมาส 2/23 และครึ่งหลังปี 66 เพราะคาดว่าปริมาณขายน้ำมันจะโตต่อเนื่องจากการบริโภคของกลุ่มนักท่องเที่ยว และภาคเอกชน

.

ขณะที่การขึ้นค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันดีเซลจาก 1.4 บาทเป็น 1.8 บาท/ ลิตร มีผลวันที่ 15 ก.พ. คาดว่าจะช่วยให้ค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันของ OR กลับสู่กรอบที่ดีในระดับ 1.0 บาท/ลิตรได้ในช่วงที่เหลือของปี 66 ดังนั้นยังคงประมาณการกําไรปี 66 ที่ 1.17 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 13% จากปีก่อน หนุนจากการเติบโตของยอดขาย 5% ในส่วนธุรกิจนํามันและ อื่น ๆ นอกจากนํามัน (non-oil)

.

โดยคงคําแนะนํา "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 26.00 บาท ซึ่งมองว่าการเติบโตของกําไรในช่วงถัดไปที่มีแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายในธุรกิจน้ำมันและ non-oil จะช่วยหนุนทิศทางราคาหุ้นขึ้นได้

.

PTG โบรกฯมองภาพบวกไปยันครึ่งหลัง

ถัดมาที่ PTG หรือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีบริการน้ำมันพีที ล่าสุดไตรมาส 1/66 มีสถานีบริการน้ำมันรวม 2,160 สาขา รวมทั้งยังมีธุรกิจ non-oil อีกมากมาย อย่างร้านร้านกาแฟพันธุ์ไทย หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยล่าสุดไตรมาส 1/66 มีสาขารวม 570 สาขา

.

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ยังมองบวกต่อภาพรวมในไตรมาส 2/66 และครึ่งหลังปี 66 เพราะคาดว่าปริมาณขายนํามันจะโตต่อเนื่อง อานิสงส์จากภาค ท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ ส่วนการยกเลิกมาตรการตรึง ราคาดีเซลและการปรับเพิ่มค่าการตลาดค้าปลีกดีเซลจาก 1.4 บาท/ ลิตร เป็น 1.8 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่15 ก.พ. จะช่วยให้ค่าการตลาด ค้าปลีกน้ำมันของ PTG กลับมายืนเหนือ 1.7 บาท/ลิตรได้ในปี 66 คงคําแนะนํา "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 15.50 บาท

.

ส่วนนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 18.50 บาท โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 1.6 พันล้านบาท เติบโต 70%จากปีก่อน หนุนโดยค่าการตลาดในระดับสูง (คาด 1.8-1.9 บาท/ลิตร) และปริมาณการขายน้ำมันที่ยังเติบโตได้จากการฟื้นตัวทางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

.

BCP ค่าการกลั่นลดลง

สุดท้าย BCP หรือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน “บางจาก” ล่าสุดไตรมาส 1/66 กลุ่มธุรกิจการตลาด มีสถานีให้บริการน้ำมันรวม 1,353 สาขา มีร้านกาแฟ Inthanin 1,021 สาขา รวมทั้งยังมีร้านชานม Dakasi จำนวน 53 สาขาอีกด้วย

.

โดยในมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) มองราคาหุ้น BCP สะท้อนแรงกดดันจากปรับฐานค่าการกลั่นเช่นเดียวกับกลุ่มไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. คาดการฟื้นตัวของค่าการกลั่นในครึ่งหลังปี 66 และ แรงหนุนจาก ESSO จะส่งให้กำไรปกติจะกลับมาฟื้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3/66 เป็นต้นไปเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า มองเป็นโอกาส “ซื้อ”ให้ราคาเป้าหมาย 50 บาท

.

ทั้งนี้คาดกำไรปกติไตรมาส 2/66 ราว 636 ล้านบาท ลดลง 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 53% จากไตรมาสแรก เพราะแรงฉุดหลักมาจากธุรกิจโรงกลั่นที่คาดค่าการกลั่นลดลงเหลือราว 4.7 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 59% จากไตรมาสแรก ตาม spread jet และ gasoil ที่ถูก supply ใหม่ และการส่งออกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของจีนกดดัน

.

นอกจากนี้เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกแรงฉุดคือไม่มี stock gain ก้อนใหญ่หนุนเหมือน ส่วนเมื่อเทียบไตรมาสแรก ถูกธุรกิจ E&P ที่ปริมาณขายลดลงฉุดด้วย

.

ดังนั้นปรับกำไรปกติปี 66 ลง 10% เป็น 5,161 ล้านบาท ลดลง 63% จากปีก่อน ปรับลดจากส่วนของธุรกิจโรงกลั่น ที่ปรับลดค่าการกลั่นจาก spread ปิ โตรเลียมปรับฐานเร็วจาก supply ใหม่กดดัน กลบการปรับเพิ่มปริมาณขายธุรกิจ E&P และรวมกำไรของ ESSO

 

 

 


กาลเวลา