GUNKUL มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำ 20% ทุ่มงบ ขยายลงทุน

นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% ขณะที่ EBITDA ตั้งเป้าเติบโต 30-35%

.

“สำหรับในปีนี้ บริษัทมีแผนลงทุนซื้อกิจการ (M&A) และ โซลาร์รูฟท็อป PPA ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึง JV ด้วยในหลายโครงการ ส่วนโครงการลมมีลุ้น 7-8 โครงการ เชื่อว่า ปีนี้จะเน้น โครงการลมในประเทศและเวียดนาม แต่การจัดการความเสี่ยง ทำในประเทศเสี่ยงน้อยกว่า”นายสมบูรณ์ กล่าว

.

ส่วนแผน Spin-off บริษัท กันกุล พาวเวอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (GPD) บริษัทลูก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าจะไฟลิ่งได้ในไตรมาส 4/65 และสามารถซื้อขายได้ในไตรมาส 1/66

.

นายฐิติพงศ์ เตชะรัตนยืนยง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสานงานกลุ่มการเงินและบัญชี GUNKUL กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่า EBITDA จะเติบโต 30-35% จาก โดยจะมาจาก 4. ธุรกิจ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจ Hight Voltage Equipment ในเรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า จะบันทึกรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท สำหรับ 2.ธุรกิจ EPC Business ตั้งเป้าบันทึกรายได้ 2,500-3,000 ล้านบาท รวมถึงยังมีแผนจะ Spin-off Comstruction Business สำหรับการเติบโตในปีหน้า

.

3.ธุรกิจ Energy Business ตั้งเป้า Expand 100-150 เมกะวัตต์ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงมีการออก Innovative โปรดักส์ 4.ธุรกิจกัญชงกัญชา มองว่า จะเป็น New s-curve โดยตั้งเป้าในเฟสแรกจะใช้เงินลงทุน 2,000 ล้านบาท

.

ส่วนแผนระยะ 2-3 ปี ข้างหน้าบริษัทตั้งเป้าโรงไฟฟ้ามีกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 650 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโซลาร์ฟาร์ม 124.8 เมกะวัตต์ Wind Fram 170 เมกะวัตต์ Solar Rooftop 3 เมกะวัตต์ และ Private PPA Solar Rooftop 104.94 เมกะวัตต์ ส่วนในญี่ปุ่นประกอบด้วย Solar Fram 65.3 เมกะวัตต์ Solar Farm ในเวียดนาม 160 เมกะวัตต์ และ Solar Farm ในมาเลเซีย 20.99 เมกะวัตต์

.

สำหรับเงินลงทุนในช่วง 3 ปี นับตั้งแต่ปี 65-67 ตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท โดยจะใช้ในการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าทุกประเภท 17,000 ล้านบาท ใช้ในธุรกิจกัญชง กัญชา 2,000 ล้านบาท ใน Innovation 1,000 ล้านบาท

.

บริษัทยังตั้งเป้ารายได้เฉลี่ยต่อปีเติบโต 15-20% อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ EBITDA ที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20% ต่อปีเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ในปี 66 บริษัทตั้งเป้ารายได้ภาพรวมเกิน 10,000 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาทในปี 67