หุ้นไทยปิดลบ 6.74 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อ – เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 21 เมษายน ปิดที่ระดับ 1,558.36 จุด ลดลง 6.74 จุด (-0.43%) โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุดที่ 1,572.43 จุด ต่ำสุดที่ 11,549.64 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,649.47 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,164.11 ล้านบาท ขณะที่กองทุนซื้อสุทธิ 293.26ล้านบาท
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ที่ยังคงมีความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง และเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย และรอลุ้นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในไทยและสหรัฐ ดังนั้นจึงเป็นช่วง Wait&see ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างประเทศเข้า short SET50 ติดต่อกัน 3 วันแล้ววันละกว่า 1 หมื่นสัญญา ยิ่งกดดันตลาดภาพรวม
ด้านเทคนิคดัชนี SET ก็หลุดแนวรับมาตลอด 1,580, 1,570 และล่าสุดก็หลุดแนวรับ 1,550 จุด ทำให้นักลงทุนไม่กล้าเข้าซื้อ แต่เมื่อมองในเชิงพื้นฐานแล้ว ราคาลงมาถูก มองว่าเป็นจังหวะซื้อ อยู่ในโซนเข้าสะสมได้
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าตลาดน่าจะรีบาวด์ หลังปรับตัวลงไปมากแล้ว โดยให้แนวต้านที่ 1,570, 1,580 จุด แนวรับที่ 1,540, 1,530 จุด นอกจากนี้แนะให้ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า ได้แก่ GDP สหรัฐไตรมาส 1/66 , GDP ยุโรป, การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึงการประกาศงบไตรมาส 1/66 ของบริษัทจดทะเบียนไทย
5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด
– KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,690.91 ล้านบาท ปิดที่ 128.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
– KTB มูลค่าการซื้อขาย 3,211.88 ล้านบาท ปิดที่ 18.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท
– SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,867.00 ล้านบาท ปิดที่ 103.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท
– EA มูลค่าการซื้อขาย 2,652.90 ล้านบาท ปิดที่ 71.00 บาท ลดลง 1.75 บาท
– BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,441.00 ล้านบาท ปิดที่ 159.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท