เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ " เม่าฉลาดแต่จน ส่วนทรัมป์โง่แต่รวย! "
" เม่า " มักจะถือว่าตัวเองเป็นคนฉลาดเฉลียว แต่เล่นหุ้นเสียเป็นประจําเพราะเล่นสวนกับทิศทางตลาดหุ้น ดังนี้ คือ :
1) ปี พ.ศ 2560 : นักลงทุนรายย่อยขายสะสมสุทธิ = -95,185 ล้าน บาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น +14%
2) ปี พ.ศ 2561 : นักลงทุนรายย่อยซื้อสะสมสุทธิ = +120,800 ล้าน บาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง -11%
3) ปี พ.ศ 2562 จนถึง ณ.วันที่ 12 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 : นักลงทุนรายย่อยขายสะสมสุทธิ = -83,268 ล้าน บาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น +11%
และในที่สุด " เม่า " ก็ลดสัดส่วนการลงทุนในอดีตที่ 70% เหลือเพียง 35% ในปัจจุบัน เพราะหมดตูดไปตามๆกันนั่นเอง
ขณะที่คนทั่วไป และสำนักข่าวต่างๆทั่วโลก ต่างก็ด่าทอ โจมตี และตราหน้าทรัมป์ว่าเป็น " คนโง่ อีเดียด ไอคิวตํ่า ไม่สุภาพ หยาบคาย มารยาทตํ่าทราม กักขฬะ อยู่ไม่สุขเพราะต้องทวีตส่งข้อความอยู่ตลอดเวลา และไม่มีศีลธรรม เป็นต้น " แต่กลับรวยดังนี้ คือ :
ในสมัยของทรัมป์ในปัจจุบัน : Down Jones ทําจุดสูงสุดตลอดกาล ( All Time High ) ที่ 27,333.79 จุด ( +49.10% ), Nasdaq ทําจุดสูงสุดตลอดกาล ( All Time High ) ที่ 8,245.66 จุด ( +58.78% ) และ S&P 500 ทําจุดสูงสุดตลอดกาล ( All Time High ) ที่ 3,013.92 จุด ( +40.87% ) เมื่อวานนี้ วันที่ 12 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562
เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ " เม่า " ฉลาดแต่จน ส่วน " ทรัมป์ " โง่แต่รวยด้วยประการฉะนี้แหละ คร๊าบ พี่น้อง!
2) เปอร์เซนต์การเพิ่มขึ้นนั้นเปรียบเทียบระหว่างราคาปิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 กับราคาปิดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2559 ซึ่งเป็นวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งที่แล้ว 1 วัน
3) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Derivatives ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook
