ห้องเม่าปีกเหล็ก

“ทรีนีตี้”เผย แนวต้าน แนวรับหุ้นครึ่งแรกเดือน ก.ย.

โดย ฟ้าสาง
เผยแพร่ :
227 views

“ทรีนีตี้” เผยครึ่งแรกเดือนก.ย. หุ้นแนวต้าน 1600 จุดแนวรับ 1520 จุด

 

 

“ทรีนีตี้” แนะลงทุนในตลาดห้นหากต้องการเข้าลงทุนจริง เลือกกลุ่ม Laggard ทั้งที่อิงกับนโยบายกระตุ้นการบริโภค PLANB, VGI, BEC, ONEE และ หุ้กลุ่มที่อิงกับปริมาณการค้าขายในระดับโลก

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนกันยายน 2566 ว่า ในช่วงแรกดัชนีหุ้นทั่วโลกจะยังแกว่งตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้ รับความคาดหวังที่ Fed น่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ ก่อนที่อาจต้องใช้ความระมัดระวังหลังจากนั้นจาก Dot plots และโทนของ Fed ที่อาจออกมา Hawkish กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ดังนั้น ประเมินครึ่งเดือนแรกมีแนวโน้มที่ดัชนีจะปรับตัวดีกว่าครึ่งเดือนหลัง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET จะมีแนวต้านอยู่ที่ระดับจิตวิทยา 1600 จุด โดยมีกรอบแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1500-1520 จุด

ในเชิงกลยุทธ์ แนะนักลงทุนหาจังหวะทยอย Lock profit ในช่วงครึ่งเดือนแรกในกลุ่มหุ้นที่แนะนำ Selective มาก่อนหน้านี้ ซึ่งประเมินว่าจะยังเป็นช่วงที่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกถูประคับประคองได้อยู่ ส่วนในช่วงครึ่งเดือนหลัง แนะเข้าสู่โหมด Wait & See เพื่อป้องกันความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้นจากการประชุม FOMC  

 

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนใหม่จริงๆ ณ เวลานี้ที่ Valuation ของตลาดอยู่ในโซนเปราะบางแล้ว แนะนำโฟกัสไปยัง Sector ที่ราคาและ Valuation กองอยู่ในโซนล่าง โดยหากแบ่งออกเป็นประเภทจะได้แก่ 1) กลุ่ม Domestic สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรไปตามปัจจัยนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่มากก็น้อย ได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) มองหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ PLANB, VGI, BEC, ONEE และ 2.กลุ่มที่อิงกับปริมาณการค้าขายในระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะเห็นปัญหาการ Destocking  ที่ลดลง และ ล่าสุดเริ่มเห็นการยืนทรงตัวได้ของตัวเลข PMI ภาคการผลิต นอกจากนั้น ยังเตรียมได้อานิสงส์หากรัฐบาลประกาศใช้นโยบายลดราคาพลังงานจริง มองไปยังกลุ่ม Logistics ที่ Earnings อยู่ในช่วง High season อาทิ III, LEO, SJWD, WICE

สำหรับปัจจัยที่น่าสนใจอื่นนอกเหนือจากการประชุม Fed ในเดือนกันยายนนี้ได้แก่ 

1.ปัจจัยเฝ้าระวังเกี่ยวกับ แรงขายของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นปกติในเดือนกันยายนของทุกปี โดยอาจเป็นการเตรียมเงินสดเพื่อรองรับการไถ่ถอนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่างๆ 

2. การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 14 ก.ย. โดยจะต้องติดตามคาดการณ์ GDP และเงินเฟ้อรอบใหม่ที่จะออกมาในครั้งนี้ด้วย

 3.การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันที่ 21-22 ก.ย. โดยต้องติดตามดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการ Yield Curve Control หรือไม่ 4.ความเป็นไปได้ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีน

 5. ความเป็นไปได้ในการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุฯและรัสเซีย

 6.การประชุมกนง.ของไทยในวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งมีลุ้นว่ากนง.อาจจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยของวงจรนี้ไว้เพียงแค่นี้ แต่หากกนง.ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปสู่ระดับ 2.50% ประเมินจะเป็นปัจจัยลบต่อภาพเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยที่สำคัญ และ 

7. พัฒนาการของรัฐบาลไทยชุดใหม่ โดยเฉพาะแนวนโยบายเศรษฐกิจ และแผนการอนุมัติงบประมาณในช่วงถัดไป,

 

 

 

 


ฟ้าสาง