ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 317.30 จุด รับราคาน้ำมันร่วง,คาดอิหร่าน-อิสราเอลสงบศึก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (16 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลง หลังจากอิหร่านส่งสัญญาณพร้อมเจรจาเพื่อยุติการสู้รบกับอิสราเอล นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังจากมีรายงานว่าการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลที่ว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,515.09 จุด เพิ่มขึ้น 317.30 จุด หรือ +0.75%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,033.11 จุด เพิ่มขึ้น 56.14 จุด หรือ +0.94%
และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,701.21 จุด เพิ่มขึ้น 294.39 จุด หรือ +1.52%
ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงกว่า 1.6% หลังสื่อรายงานว่าอิหร่านพร้อมกลับมาเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ หากอิสราเอลยุติการโจมตีอิหร่าน โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่อิหร่านได้ส่งสัญญาณอย่างเร่งด่วนว่าต้องการยุติการสู้รบกับอิสราเอล และกลับสู่การเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อีกครั้ง โดยอิหร่านได้ส่งข้อความดังกล่าวไปยังอิสราเอลและสหรัฐฯ ผ่านทางตัวกลางที่เป็นชาติอาหรับ
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า อิหร่านได้เรียกร้องให้กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน พยายามกดดันให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ใช้อิทธิพลของเขาเพื่อให้อิสราเอลทำข้อตกลงหยุดยิงกับอิหร่านในทันที นอกจากนี้ อิหร่านยังยื่นข้อเสนอว่าจะใช้ความยืดหยุ่นมากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์เพื่อแลกกับการหยุดยิง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มิ.ย.) ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 7% หลังจากอิสราเอลและอิหร่านโจมตีทางอากาศโต้ตอบกัน ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าความขัดแย้งดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากตะวันออกกลาง
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.53% และ 1.52% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเฮลธ์แคร์ ปรับตัวลง 0.50% และ 0.40% ตามลำดับ
ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 3.03% นำโดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) ทะยานขึ้น 8.81% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Piper Sandler ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น AMD
หุ้นยูพีเอส (UPS) และเฟดเอ็กซ์ (FedEx) ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1% หลังจากบริษัททรัมป์ ออร์แกไนเซชัน (Trump Organization) ประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนชื่อว่า "Trump Mobile" โดยระบุให้ยูพีเอสและเฟดเอ็กซ์เป็นพันธมิตรด้านการจัดส่ง
หุ้นยูเอส สตีล (U.S. Steel) พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากปธน.ทรัมป์อนุมัติให้บริษัทนิปปอน สตีล (Nippon Steel) ของญี่ปุ่น เข้าซื้อกิจการยูเอส สตีล ในวงเงิน 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 17-18 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ