CENTEL vs MINT เลือกตัวไหนดี ?
CENTEL : บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)
แบ่งเป็น 2 ธุรกิจ คือ
1. ธุรกิจโรงแรมในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ของตนเอง เซ็นทารา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เซ็นทรา และธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมภายใต้สัญญาบริหารโรงแรม
2. ธุรกิจอาหารจานด่วนในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ของตนเอง คือ เดอะ เทอเรส และ ริว และแฟรนด์ไชส์ คือ มิสเตอร์โดนัท, อาร์ตี้ แอนด์, เค.เอฟ.ซี, เปปเปอร์ลันช์, โคล สโตน, โยชิโนยะ, โอโตยะ, เทนยะ, คัตสึยะ, และ ชาบูตง มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ
Centel ไตรมาสแรก กำไร 783 ล้าน โต 3.3% โตกว่ารายได้ สำหรับการเพิ่มขึ้นของรายได้เกิดจากธุรกิจอาหารที่เพิ่มขึ้น 3.3% จากปีก่อน ขณะที่รายได้รวมของโรงแรม ลดลง 2.4% เทียบกับปีก่อน จากการลดลงของรายได้รวมโรงแรมที่มัลดีฟส์จากภาวการแข่งขันที่รุนแรง ส่วนของธุรกิจอาหารมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง รายได้รวมตั้งเป้าเติบโต 2-4 % และธุรกิจอาหารคาด เติบโต 4-5 % และรักษาอัตราการเข้าพักโรงแรมที่ 81-82 %
ขณะที่การท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะอยู่ที่ 35.2 ล้าน เติบโต แม้ไตรมาสแรกปีนี้จะเติบโตเพียง 1% โดยช่วง 4 เดือนแรกปีนี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวกลับเข้ามาโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวรัสเซียซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังการใช้จ่ายสูง ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้ว 37แห่ง เป็นเจ้าของเอง 15 แห่ง และภายใต้สัญญาบริหาร 22 แห่ง อีกทั้งอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก แห่ง 17 แบ่งเป็นในประเทศ 6 แห่ง ต่างประเทศ 11 แห่ง ช่วงที่เหลือของปีนี้จะเปิดให้บริการอีก แห่ง คือ ไตรมาส 3 ที่ประเทศบาร์เรน และในไตรมาส 4 ที่ สมุย
สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 3,000 ล้านบาท ใช้ขยายธุรกิจปกติทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร 2,120 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้ร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาโรงแรมในดูไบและรองรับโอกาสในการเข้าซื้อกิจการโรงแรมและร้านอาหาร
ตัวเลขสำคัญในงบการเงิน ไตรมาส1/60
กำไรสุทธิ 783.01
กำไรต่อหุ้น 0.58
ROE 17.75
P/E 26.64
MINT : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
บริษัทดำเนินธุรกิจประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชัน ธุรกิจร้านอาหาร ได้แก่ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ควีน, เบอร์เกอร์คิง, ไทยเอ็กซ์เพรส, เดอะ คอฟฟี่ คลับ ธุรกิจโรงแรม ประกอบด้วยโรงแรมทั้งสิ้น 42 โรงแรม และ 40 เซอร์วิส
ภายใต้แบรนด์ เช่น อนันตรา, โอ๊คส์, อาวานี่, โฟร์ซีซัน, เซ็นต์ รีจิส, แมริออท, เอเลวาน่า ในหลากหลายประเทศ ทั้งใน ไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มัลดีฟส์ เวียดนาม แทนซาเนีย เคนยา จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ตะวันออกกลางและอื่นๆ ธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชันต่างประเทศ ได้แก่ แก็ป, เอสปรี, บอสสินี่, ชาร์ล แอนด์ คีธ และ อื่นๆ
งบไตรมาส มีกำไรสุทธิ 1,924 จำนวน ล้านบาทเติบโตร้อยละ 17 จากไตรมาส 1/59 ที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,643 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโอ๊ค และความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นของธุรกิจร้านอาหาร และมีรายได้รวม 15,379 ล้านบาท เพิ่มชึ้น ร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 58.8 ในช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว เป็น ร้อยละ 59.4 ในไตรมาสนี้ สาเหตุหลักจากอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นของธุรกิจร้านอาหาร อัตรากำไรสุทธิตามรายงานของบริษัท ลดลงจากร้อยละ 22.6 เป็น ร้อยละ 12.5 ในไตรมาส1/60 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกำไรพิเศษจากการซื้อกิจการโรงแรมทิโวลี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท
ตัวเลขสำคัญในงบการเงิน
กำไรสุทธิ 1,924.46
กำไรต่อหุ้น 0.44
ROE 13.12
P/E 37.5
อัตราส่วนทางการเงิน |
CENTEL |
MINT |
หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น |
1.19 เท่า |
1.75 เท่า |
กำไรสุทธิ |
783.01 ล้านบาท |
1,924.46 ล้านบาท |
กำไรต่อหุ้น |
0.58 บาท |
0.44 บาท |
ROE |
17.75 |
13.12 |
P/E |
26.64 |
37.5
|
จากการสังเกต ตัวเลขสำคัญในงบการเงิน พบว่า ทั้งในส่วนของ กำไรต่อหุ้น และ ROE CENTEL ทำได้ดีกว่า MINT และปัจจุบัน MINT เทรดที่ระดับ P/E 37.5 ซึ่งสูงกว่า CENTEL ดังนั้น ถ้ามองตามปัจจัยพื้นฐานที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน มีธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน คือ มีธุรกิจหลักเป็นธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหารจากต่างประเทศแล้ว ปัจจุบัน ถือว่า CENTEL มีราคาที่ถูกกว่า และ Perform ดีกว่าในไตรมาสแรกของปี
ต่อ ไปมาดูกราฟกันบ้าง
จากกราฟ CENTEL ด้านบน กราฟยังคงอยู่ในลักษณะของ sideway down ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ดีนัก ในแง่ของเทคนิค อาจจะต้องราคา เบรก down Trend ให้ได้ก่อน ค่อยหาจังหวะเข้าซื้อ
ส่วน MINT นั้น ถือว่า เป็นการขึ้นที่สวยมากทีเดียว หลังจาก เบรกแนวต้านที่ราคา 38 บาทขึ้นมาได้ ก็เป็นขาขึ้นโดยต่อเนื่อง ปัจจุบันกำลังทดสอบ High เดิม ที่ราคา 43.25 บาท
โดยสรุปแล้ว CENTEL และ MINT ล้วนมีพื้นฐานดีทั้งคู่ MINT อาจจะได้เปรียบ CENTEL อยู่บ้าง จากการมีทุนมากกว่า สามารถขยายธุรกิจได้เร็ว กระจายความเสี่ยงธุรกิจไปในธุรกิจใหม่ๆได้มากกว่า แต่โดยภาพรวมแล้ว ทั้ง 2 บริษัทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งคู่ ถ้าหากนักลงทุนยังเชื่อว่า การท่องเที่ยวในไทยยังจะเติบโตต่อเนื่อง และแบรนด์ร้านอาหารต่างๆ ยังเป็นแบรนด์หลักๆที่ผู้บริโภคจะนึกถึง เวลาออกมานอกบ้าน รอจังหวะการปรับฐานแรงๆ จากเหตุการณ์ทางการเมืองหรือ ลงหนักๆ ทั้ง 2 ตัว น่าจะสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนไม่น้อยเลยทีเดียว
บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น
มิได้มีเจตนาชี้นำการลงทุน
- Yoo -