โดนกดดันแทบจะทุกตัวสำหรับหุ้นในกลุ่มแบงค์ ตกลงจะเอายังไงต่อดี เราสรุปบทวิเคราะห์มาให้แล้วครับว่ามองกันอย่างไร
== SCB ==
บล.เมย์แบงค์ มองว่าผลประกอบการอ่อนแอชอบ KBANK มากกว่า และปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" สะท้อนสินเชื่อที่ชะลอตัว การตั้งสำรองที่สูง ปี 2563 เป็นปีที่ยากของกลุ่มธนาคาร และการปรับเปลี่ยนนโยบายการจ่ายเงินปันผล จากเมื่อก่อน 30-50% ของกำไรสุทธิประจำปี เป็นเหลือเพียง 30%
บล. เอเชียเวลล์ มองเหมือนกันว่า NPL สูงขึ้น รายจ่ายเพิ่มขึ้น สินเชื่อหดตัว แต่มองต่างคือ ปี2563 จะกลับมาเติบโตได้ คงคำแนะนำ "ซื้อ"
บล. คันทรี่กรุ๊ป วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการลดลง ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นนั้นเอง อย่างไรก็ตามในปี 2563 บริษัทจะปรับกลยุทธ์ไปสู่ธุรกิจที่ปล่อยสินเชื่อที่ให้ช่องทางสูงผ่านช่องทาง Digital และ Wealth Management และพยายามหันไปจับช่องทางธุรกรรมผ่าน Digital มากขึ้น อีกทั้งมีแผนจะนำเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาทไปลงทุนใน Technology ในอีก 3 ปีข้างหน้าเพื่อขจับเคลื่อนธุรกิจผ่าน Digital Lending
บล. ทิสโก้ มองลบต่อผลประกอบการและการเติบโตในปี 2563 ราคาหุ้นขาดปัจจัยบวก แนะนำ "ถือ"
== KBANK ==
บล.ฟิลลิป มองว่ากำไร 4Q62 ต่ำกว่าคาด เนื่องจากมีการตั้งสำรองสูง กำไรที่โดดเด่นมาจากการขายเงินลงทุน แต่รายได้จากดอกเบี้ยลดลง ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นไม่มากนักในปี 2562 แต่ด้วยราคาหุ้นที่ลดลง ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
บล.เอเชียเวลล์ วิเคราะห์ว่าปัจจัยภายนอกกดดัน แต่ยังเห็นโอกาสการเติบโต ถึงแม้ผลประกอบการจะเพิ่มขึ้น 0.7%YoY ต่ำกว่าที่คาด ถึงแม้จะมีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนจำนวน 8 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามในปี 2563 บริษัทเจอแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ มาตรฐานบัญชี TFRS9 แต่ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
บล.เมย์แบงค์ มองว่า KBANK มีอัพไซด์จากการบริหารเงินกองทุน แนวโน้มรายได้ค่าธรรมเนียมดีขึ้น แต่รายได้จากการประกันภัยลดลง แต่โดยรวมปี 2563 จะยังเติบโตต่อเนื่อง ให้คำแนะนำเป็น "ซื้อ"
== BBL ==
บล.ฟิลลิป มองว่ากำไร 4Q62 ต่ำกว่าคาด เนื่องจากการการตั้งสำรองที่สูงและนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรของ BBL ลดลง ค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายได้ดอกเบี้ยลดลง ถึงแม้จะมีกำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวนมากก็ตาม แต่ถ้าดูจากทั้งปี 62 ถือว่าทำได้ดีเมื่อเทียบกับแบงค์อื่น ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่ม รายจ่ายลดลง ควบคุมต้นทุนได้ดี แต่สิ่งที่กดดัน คือ การตั้งสำรอง ทำให้กำไรเพิ่มไม่มากนัก ยังแนะนำ "ซื้อ"
บล.เคจีไอ วิเคราะห์ว่า BBL มีรายได้เพิ่มขึ้นก็จริง แต่การตั้งสำรองก็สูงขึ้นตาม เนื่องจากบริษัทมีความตั้งใจจะลดค่าใช้จ่ายในการกันสำรองปี 2563 ลง อย่างไรก็ตามทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่าการดำเนินงานของ BBL ดีขึ้นหลายๆด้าน แต่ธนาคารก็ไม่ได้จัดสรรกำไรพิเศษไปให้ผู้ถือหุ้น แต่เนื่องจากราคาหุ้นไม่แพง
บล. เอเชียเวลล์ แสดงความเห็นว่ากำไรสุทธิต่ำกว่าที่คาด เพราะมีการตั้งสำรองสูง ทั้งนี้ถ่้ามองในอนาคต ปี 2563 จะยังคงชะลอตัวต่อจากสภาพของเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการเติบโตของสินเชื่อ ราคาหุ้นไม่มีประเด็นบวกใหม่ๆ ปรับคำแนะนำจากซื้อ เป็น "ถือ"
นี้ก็เป็นภาพรวมของ 3 แบงค์ใหญ่ ซึ่่งออกไปทางลบซะมากกว่า แต่ด้วยราคาที่ลงมามาก ราคาหุ้น ณ จุดนี้ก็ถือว่ามีอัพไซด์ที่น่าสนใจ ราคาหุ้นไม่แพง และปันผลระดับ 4-5%
ต้องกลับไปทำการบ้านต่อซะแล้วครับ ปล่อยผ่านไม่ได้เลย ....
------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000380110/200122%20SCB_t.pdf
https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000380068/SCB%2022012020.pdf
https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000380088/200122%20KBANK_t.pdf