ห้องเม่าปีกเหล็ก

กูรูคาด พุธนี้ กนง. คงดอกเบี้ย 0.50% เกาะติดการเมือง-เงินบาทแข็ง

โดย dave
เผยแพร่ :
86 views

กูรูคาด พุธนี้ กนง. คงดอกเบี้ย 0.50% เกาะติดการเมือง-เงินบาทแข็ง

นักเศรษฐศาสตร์-ศูนย์วิจัยฯ ประสานเสียง กนง.คงดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 18 พ.ย.นี้ ด้าน “สแตนชาร์ต” ชี้ ธปท.รอดูตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3-ความเสี่ยงการเมืองรุนแรง มีสิทธิ์หั่นดอกเบี้ยปลายปี ส่วน “ซีไอเอ็มบีไทย-กรุงศรีอยุธยา” แย้มเห็นธปท.ใช้เครื่องมือการเงินอื่นที่ตรงจุด-ยืดหยุ่นแทนดอกเบี้ย หลังปัจจัยเงินบาทแข็งค่าเริ่มสร้างความกังวล

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธนาคารคาดว่าการประชุมนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 18 พฤศจิกายนนี้ กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP) ไว้ที่ระดับ 0.50% และมีโอกาสจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 0.25% ในการประชุมครั้งสุดท้ายวันที่ 23 ธันวาคมนี้ เนื่องจากกนง.เริ่มเห็นข้อมูลเศรษฐกิจมากขึ้น 

ทั้งนี้ กนง.จะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ที่จะประกาศของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ซึ่งคาดว่าตัวเลขจะเห็นการหดตัวน้อยลงอยู่ที่ -10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ที่ -12.2% ขณะเดียว กนง.จะเฝ้าดูสถานการณ์การเมือง แม้ว่าไม่ได้มีความรุนแรง และยังไม่เป็นความเสี่ยงมากนัก แต่ยังไม่สามารถหาทางออกได้ จะเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจได้เช่นกัน

นอกจากนี้ เรื่องของเงินบาทแข็งค่าเริ่มสร้างความกังวลและกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มากขึ้น เนื่องจากเงินบาทแข็งค่ากระทบต่อภาคการส่งออกที่กำลังฟื้นตัว โดยกรอบเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 30.20 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนหนึ่งมาจากความคืบหน้าของวัคซีนหรือการเก็งกำไรในพันธบัตรระยะสั้น ส่งผลให้เงินไหลเข้าตลาดหุ้นและพันธบัตรมากขึ้น

“รูมที่จะให้กนง.ลดดอกเบี้ยเหลือน้อยลง ครั้งนี้เรามองว่าจะคงไว้ก่อน เพื่อรอดูสถานการเมืองและตัวเลขเศรษฐกิจที่จะชัดเจนขึ้น”

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มองว่าการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อนที่ระดับ 0.50% มาจากปัจจัยหลักตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 ที่ออกมาจะเห็นการฟื้นตัวเมื่อเทียบไตรมาสที่ 2 

“แม้ว่าเทียบไตรมาสต่อไตรมาสจะเห็นการฟื้นตัวดีขึ้น แต่สิ่งที่เป็นกังวล คือ ความต่อเนื่องของการฟื้นตัวไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบไตรมาสที่ 3 จะเห็นการหดตัว เนื่องจากต่างประเทศในประเทศหลักๆ มีการล็อกดาวน์เพิ่มเติม ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย การบริโภคในประเทศหรือกำลังซื้อฟื้นตัวไม่ต่อเนื่อง เพราะมีการเร่งตัวไปแล้วในไตรมาสที่ 3 และการเมืองที่กระทบความเชื่อมั่นและการลงทุน ทำให้ตัวเลขไตรมาสที่ 4 ชะลอตัวลง”

ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นกนง.ใช้มาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้กระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยจะเห็นการส่งสัญญาณมาตรการการเงินผ่อนคลายที่ไม่ใช่อัตราดอกเบี้ย แต่จะใช้เครื่องมืออื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เพื่อให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เข้าถึงมากขึ้น หรือมาตรกาาดูแลค่าเงินเพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวแข็งค่าเร็วเกินไป 

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเมินว่าการประชุมนโยบายการเงิน (กนง.) รอบนี้จะมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP) ไว้ที่ระดับ 0.50% 

โดยจากการติดตามรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าส่งสัญญาณการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจให้ตรงจุดมากขึ้น ซึ่งการใช้เครื่องมือนโยบายดอกเบี้ยอาจจะกว้าง และเป็นนโยบายที่เหวี่ยงแหเกินไป ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยของไทยถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดในประวัติการณ์แล้ว ทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลน้อยลง ดังนั้น จะเห็นธปท.ใช้เครื่องมือการเงินหรือมาตรการ อื่นๆ ที่มีความยืดหยุ่นและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแทนการใช้ดอกเบี้ย

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave