ส่องแนวโน้มธุรกิจ
บางกอกแอร์เวย์ส – แอร์เอเชีย
เมื่อปี 66 กำไรจะฟื้นตัว

.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัว ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยช่วง 3 เดือนแรก (เดือนม.ค. - มี.ค. 66) โดยมีจำนวนสะสมอยู่ที่ 6,465,737 คน เพิ่มขึ้นถึง 1,199% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
.
โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ตามคาด ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวช่วง 3 เดือนแรก คิดเป็น 26% จากประมาณการทั้งปี ทำให้ยังคงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2566 จะอยู่ที่ 25 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่อยู่ 11.2 ล้านคน อย่างไรก็ดีไตรมาส 2/66 และไตรมาส 3/66 ซึ่งเป็นช่วง Low season แต่คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะช่วยเข้ามาช่วยชดเชยได้
.
ดังนั้นจากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง แน่นอนว่า นอกจากสนามบินแล้ว ธุรกิจสายการบินย่อมเป็นธุรกิจแรกๆ ที่จะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง โดย Wealthy Thai จึงมีแนวโน้มธุรกิจและการเติบโตของ 2 หุ้นสายการบินที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง BA และ AAV มาฝาก
.
สำหรับ BA หรือ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สและสนามบินในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่าง สนามบินสมุย สนามบินสุโขทัย และสนามบินตราด โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดไตรมาส 1/66 ผลการดำเนินงานของบริษัทยังแข็งแรงต่อเนื่อง คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 483 ล้านบาท จากขาดทุน 1,019.98 ล้านบาทในไตรมาส 1/65 เนื่องจากแรงหนุนของ Pent up demand และราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยที่ยังทรงตัวในระดับสูง
.
โดยภาพรวมปี 2566 คาดผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมการบิน คาดมีกำไรสุทธิที่ 1,121 ล้านบาท จากขาดทุน 2,110 ล้านบาทในปี 2565 นอกจากนี้ยังมีโอกาสจากโครงการลงทุนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา (BA ถือหุ้น 45% ของกลุ่มผู้ชนะประมูล) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการส่งมอบพื้นที่จากภาครัฐ
.
อีกทั้งหุ้น BA ยังมีจุดเด่นจากการถือเงินลงทุนใน BAFS, BDMS และ BAREIT คิดเป็นมูลค่ากว่า 30,000-40,000 ล้านบาท หรือราว 17 บาทต่อหุ้น BA ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้น BA ในปัจจุบัน ฝ่ายวิเคราะห์ จึงให้คำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 16 บาท
.
ส่วน AAV หรือ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของสายการบินแอร์เอเชีย หนึ่งในสายการบินราคาประหยัดยอดนิยมของไทย โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดไตรมาส 1/66 บริษัทจะฟื้นตัวจากไตรมาส 1/65 ที่ขาดทุน 2,371 ล้านบาท แต่ลดลงจากไตรมาส 4/65 ที่มีกำไรสุทธิ 3,114 ล้านบาท จากอัตราบรรทุกผู้โดยสารที่ 85% และราคาตั๋วโดยสารที่เพิ่มขึ้น 63% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 1,660 บาท ขณะเดียวกันค่าเงินบาทไม่ต่างจากช่วงสิ้นปี 2565 มากนัก อยู่ที่ราว 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
.
ขณะที่ภาพรวมปี 2566 คาดบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 1,770 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน 8,030 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน และแนวโน้มไตรมาส 1/66 ที่จะฟื้นเป็นกำไรปกติครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 1/61 จากแรงหนุนของผู้โดยสารที่ฟื้นต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนต่อผู้โดยสาร (Passenger yield) ยังทรงตัวในระดับสูง รวมถึงราคาน้ำมันที่ลดลง
.
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากราคาหุ้นที่สะท้อนความคาดหวังการฟื้นตัวของผลประกอบการบ้างแล้ว และมีความเสี่ยงหากปริมาณนักท่องเที่ยวปี 2566 ฟื้นตัวต่ำกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดที่ 30.6 ล้านคน โดยคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 3.44 บาท