ในอดีต สหภาพโซเวียตล่มสะลายและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะการแข่งขันกันเป็นใหญ่ในโลกทางด้านอวกาศระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต หรือ ที่เรียกว่า " สงครามด้านอวกาศ "
ประธานาธิบดี Ronald Reagan ซึ่งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ได้ยั่วยุประธานาธิบดี Mikhail Gorbachyov ซึ่งเป็นประธานาธิบดีของสหภาพโซเวียตในขณะนั้นให้มาแข่งขันกันเป็นใหญ่ทางอวกาศในโลกใบนี้ โดยสหรัฐอเมริกาเรียกโครงการนี้ว่า “ โครงการ Star War “
และ แผนการของประธานาธิบดี Ronald Reagan ก็บรรลุผลสำเร็จเมื่อสหภาพโซเวียตทุ่มทรัพยากรทั้งหมดในประเทศเท่าที่มีอยู่ไปกับการแข่งขันด้านอวกาศกับสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ และ ระบบเศรษฐกิจแบบควบคุมจากส่วนกลางใช้ไม่ได้ผล เพราะยิ่งใช้เศรษกิจของสหภาพโซเวียตก็ยิ่งยํ่าแย่และเลวร้ายลงเรื่อยๆ และในที่สุดสหภาพโซเวียตก็ล่มสะลายและแตกออกเป็นเสี่ยงๆในปี ค.ศ 1989
แผนนี้น่าจะเรียกว่าเป็นแผน " ล่อเสืออกมาจากถํ้า แล้วเอาไปยิงทิ้ง "
และ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัจจุบันกำลังเกิด “ สงครามการเงินโลก “ และ “ สงครามการค้าโลก “ โดยมีคู่แข่งที่สำคัญคือสหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดี Donald Trump และ จีนโดยประธานาธิบดี Xi Jinping การแข่งขันครั้งนี้เพื่อความเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก เฉกเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียตในอดีต
สหรัฐอเมริกากดดันจีนโดยการปรับอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ใน “ สงครามการเงินโลก “ และ เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนใน “ สงคราการค้าโลก “
ผลที่เกิดขึ้นกรณี “ สงครามการค้าโลก “ คือ :
- สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนลดลง
- ในเมื่อสินค้าของจีนส่งออกได้น้อยลง จีนจึงหันมาสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศเพื่อพยุงเศรษฐิจไม่ให้ตํ่ากว่า 6% โดยการออกนโยบายการปล่อยสินเชื่อแบบลดแลกแจกแถมให้แก่ภาคเอกชนและภาคประชาชนเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งมีผลทำให้หนี้สินภาคเอกชนของจีนมีมูลค่าเกิน 160% ของ GDP แล้ว และ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆในอนาคต
ผลที่เกิดขึ้นกรณี “ สงครามการเงิน “ คือ :
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่า ในขณะเดียวกันค่าเงินหยวนของจีนมีแนวโน้มอ่อนค่า
- เงินทุนมีแนวโน้มไหลออกจากจีนไปยังสหรัฐอเมริกา
- ถ้า Fed Fund Rate ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 4.25% ในปี พ.ศ 2564 เศรษฐกิจจีนอาจจะถึงคราวล่มสลายและแตกออกเป็นเสี่ยงๆเพราะปัญหาหนี้สินภาคเอกชนท่วมประเทศจีนและทนต่อแรงกดดันของสภาวะดอกเบี้ยที่สูงๆไม่ได้
หรือว่า “ ประวัติศาสตร์จะซํ้ารอย “ ? และ ถ้าแผนการนี้สําเร็จก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นแผน " ล่อเสือเข้ามาในถํ้า แล้วเอาไปยิงทิ้ง " แต่ถ้าไม่สําเร็จก็น่าจะเรียกว่า " ล่อเสือเข้าไปในถํ้าแล้วโดนเสือกัดตาย ก่อนที่จะได้ยิง " เพราะหนี้สินในสหรัฐอเมริกาก็มีจํานวนไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ยังไงยังไงก็ต้องรอติดตามกันต่อไปนะครับ พี่น้อง! ว่าผลจะออกมาในรูปแบบไหน?
ส่วนตัวผู้โพสต์เองมีความเห็นว่า " ยังไงๆอาการก็คงจะสาหัสทั้งคู่แหละ! เพราะปัญหาหนี้สินของทั้งสองประเทศที่มีมากพอๆกัน "
อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นดังกล่าวข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และไม่สามารถรับประกันความถูกต้องได้
หมายเหตุ: โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com