หุ้นกลุ่มลิสซิ่งเจอแรงเทขาย หาก กนง.ขึ้นดอกเบี้ย

หุ้นกลุ่มลิสซิ่งเจอแรงเทขาย หาก กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ชี้ MTC-SAWAD-TIDLOR โดนหนักสุด

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.65) คาดว่าจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และมองว่าแนวโน้มในสิ้นปีจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1.25% ซึ่งเท่ากับระดับในช่วงก่อนการระบาดของcovid-19

MTC-SAWAD-TIDLOR อาจเจอแรงขาย

โดยกลุ่มที่อาจจะถูกแรงขายจากประเด็นดังกล่าวได้แก่กลุ่มการเงินอย่าง MTC-SAWAD-TIDLOR เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นมา เพื่อตอบรับข่าวการที่ผู้ว่าแบงก์ชาติระบุว่าจะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมีผลกระทบต่อกลุ่มการเงินเป็นหลัก


ขณะเดียวกันกลุ่มธนาคารจะได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว เพราะจะเป็นส่งผลบวกต่อ NIM ของกลุ่มแบงก์ ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นผลบวกต่อ NIM ไม่เยอะได้พอสมควร เพราะหลายธนาคารเองนั้น ตัวอย่างเช่นธนาคารของรัฐอาจจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ก่อน


ขณะที่ธนาคารพาณิชย์อาจจะปรับดอกเบี้ยตามไปไม่ได้มาก แต่อย่างไรก็ตามถือว่าเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะจะได้แรงหนุนจาก Fund Flow กลับเข้ามา หลังจากที่ไหลออกเพราะเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น

กลุ่มธนาคารมีผลดันดัชนี

สำหรับการปรับเพิ่มขึ้นขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะส่งผลบวกต่อดัชนีตลาดหุ้น ซึ่งจะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งมีสัดส่วนต่อดัชนีประมาณ 10% โดยก่อนหน้านี้หุ้นในกลุ่มธนาคารถูกแรงขายจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น และการที่กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะทำให้กระแสเม็ดเงินต่างชาติกลับเข้ามา หลังจากที่ถูกแรงขายไป ดังนั้นจะมีผลต่อการผลักดันดัชนี

สินทรัพย์ที่น่าลงทุน

การลงทุนในหุ้นถือว่ายังเป็นสิ่งที่น่าลงทุนได้ดีในระยะนี้ โดนแนะนำให้เพิ่มเงินสดลงทุนเป็น 50% ของพอร์ตการลงทุน ส่วนตราสารหนี้ โดยปกติแล้วหากดอกเบี้ยขึ้นราคาตราสารหนี้จะปรับตัวลง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ราคาตราสารหนี้ อายุ 10 ปี ลงมาตอบรับดอกเบี้ยขาขึ้นไปเยอะแล้ว


ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโทฯแนะนำว่าให้ชะลอการลงทุนออกไปก่อน ถึงแม้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจจะจะทำคริปโทฯผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่เนื่องจากขณะนี้มองว่ายังคงมีปัญหาที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปของผู้ประกอบที่เกิดปัญหาขึ้น ส่วนทองคำ ปัจจัยเดียวที่จะส่งผลให้ราคาทองคำกลับมาคือความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนที่จะเพิ่มขึ้น