คําว่า ผลตอบแทนของ " เจ้าพุ่งเป็นจรวด " = 71.43% นั้น ผู้โพสต์หมายถึง ผลตอบแทนของ " ITD-W1 " ตั้งแต่ทําจุดตํ่าสุดในขาลงรอบใหญ่รอบที่แล้วระหว่างวันที่ 10 เมษายน - 10 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2561 ที่ 0.07 บาท แล้วปรับตัวขึ้นมาปิดที่ 0.12 บาท เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น = ( 0.12 - 0.07 ) / 0.07 x 100 = +71.43%
ผู้โพสต์คาดว่า " เจ้าพุ่งเป็นจรวด " หรือ " ITD-W1 " น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องจากการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของ ITD ด้วย " Driven Factors " หรือ " ปัจจัยขับเคลื่อน " ดังนี้ คือ :
1) ครม. สัญจรที่จังหวัดเชียงรายเมื่อวานนี้ วันที่ 30 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 ได้อนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ( EEC ) ครบทั้ง 5 โครงการ วงเงินรวม 650,000 ล้าน บาท ซึ่งน่าจะมีการประมูลและรู้ผลก่อนการเลือกตั้งในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562 และ จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างต่อไปในอนาคต
2) TFFIF หรือ กองทุนโครงสร้างพิ้นฐาน ประสบผลสําเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน และ วันที่ 31 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 ก็เป็นวันแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และมีราคาปิดที่ 10.30 บาท โดยเหนือกว่าราคาจองที่ 10.00 บาท ทําให้รัฐบาลกําลังมีดําริที่จะออกกองที่ 2 เพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ที่จะประมูลในอนาคตต่อไป และ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างต่อไปในอนาคต
3) การขายซองประมูลโครงการแหลมฉบังเฟส 3 ( 141,000 ล้าน บาท ) ใน วันที่ 5 - 19 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 และยื่นซองประกวดราคาใน วันที่ 14 มกราคม ปี พ.ศ 2562
4) การขายซองประมูลโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ( 100,000 ล้าน บาท ) ใน วันที่ 9 - 21 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 และ คาดว่าจะทราบผลประมาณเดือน กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2562
5) การยื่นซองประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ( 220,000 ล้าน บาท ) ใน วันที่ 12 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561
6) การขายซองประมูลโครงการท่าอากศยานนานาชาติอู่ตะเภา ( 200,000 ล้าน บาท ) ใน วันที่ 16 - 29 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 และ ยื่ยซองประมูลวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2562
7) การขายซองประมูลโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน ( 20,000 ล้าน บาท ) ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561
8) โครงการบริหารจัดการนํ้า 31,000 ล้าน บาท ที่ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติแล้วเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561
9) การปลดล็อคทางด้านการเมืองเพื่อให้ทํากิจกรรมได้ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561
10) การประมูลทางด่วนสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนตะวันตก ( 31,244 ล้าน บาท ) หลังจากประสบผลสําเร็จในการระดมทุนของ TFFIF และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในวันที่ 31 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561
11) การประมูลทางด่วนขั้นที่ 3 ตอน N2 และ N3 ( 17,551 ล้าน บาท ) หลังจากประสบผลสําเร็จในการระดมทุนของ TFFIF และ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในวันที่ 31 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561
12) โครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ที่น่าจะทยอยประมูลได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปตามนโยบายของรัฐบาล คสช.
13) มีการกําหนดวันเลือกตั้งทั่วไปที่แน่นอนแล้วว่าน่าจะเป็น วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2562
14) แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาก่อสร้างกล่าวว่า การยื่นซองรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แนวโน้มมี 2 กลุ่ม คือ :
14.1) กลุ่ม ซี.พี. จะร่วมกับบริษัทรถไฟฟ้าแห่งชาติฝรั่งเศษ ( SNCF ) และ บริษัท ทรานส์เดฟ กรุ๊ป จากฝรั่งเศส บริษัท ทางรถไฟแห่งชาติอิตาลี ( FS ) จัดหาระบบและบริหารโครงการ ส่วนก่อสร้าง วางราง และพัฒนาเชิงพาณิชย์ ร่วมกับจีน อาทิ บจ. ไชน่า เรลเวย์ คอนสทรัคชั่น ( CRCC ), บจ. ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป, บจ. ซิติก กรุ๊ป, บจ. ไชน่า เตท ฯ รวมถึงอิโตชูจากญี่ปุ่น ด้านผู้รับเหมาไทย เช่น อิตาเลียนไทยฯ ช.การช่าง และ บมจ. ทางด่วนและบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ ( BEM )
14.2) กลุ่มบีทีเอสร่วม บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ และ บมจ.ราชบุรี โฮลดิ้ง และอาจจะมีกลุ่ม 3 คือ ยูนิคฯ กับ ประเทศเกาหลี
14.3) แหล่งข่าวจาก บมจ.อิตาเลี่ยนไทยกล่าวว่า จะร่วมกับ ซี.พี. ยื่นประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยบริษัทจะเข้าร่วมแบบเบ็ดเสร็จรูปแบบ EPC คือออกแบบวิศวกรรม ( Engineering ) จัดซื้อจัดหา ( Procurement ) และ ก่อสร้าง ( Construction )
และ ถ้าการเลือกตั้งทั่วไปของไทยเกิดขึ้นจริงใน วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2562 วันที่จะทําการขาย ITD-W1 ก็คือ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2562 และ เมื่อขาย ITD-W1 แล้วก็ซื้อ ITD ทันที แล้วถือ ITD ไปขายในช่วงปลายปี พ.ศ 2563 โดยมี " Driven Factors " อย่างต่อเนื่อง หรือ " ปัจจัยขับเคลื่อน " อย่างต่อเนื่อง ดังนี้ คือ :
1)โครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ที่น่าจะมีการประมูลทยอยอย่างต่อเนื่องไปถึงปลายปี พ.ศ 2563 เพราะเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล คสช. และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยหรือ TFFIF กองที่ 1 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และน่าจะมีการออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือ TFFIF กองต่อๆไป ซึ่งจะทําให้รัฐบาลมีแหล่งเงินทุนสําหรับลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาทโครงการที่เหลืออื่นๆอีกต่อไป
2) ความคืบหน้าของโครงการทวายที่รัฐสภาพม่าได้อนุมัติเงินกู้จากรัฐบาลไทยจํานวน 4,500 บาท เพื่อสร้างถนนจากทวายมายังพุนํ้าร้อนแล้ว
3) ประทานบัตรเหมืองโปแตส จ.อุดร ที่อยู่ในขั้นตอนการอนุมัติจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
แผนการขาย ITD ประมาณปลายปี พ.ศ 2563 นั้น มีสาเหตุเพราะ :
1) ในช่วงปลายปี พ.ศ 2563 นั้น 80% ของโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท น่าจะมีการประมูลและรู้ผลแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่เป็นจุดสูงสุดของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
2) โครงการบริหารจัดการนํ้า 31,000 ล้าน บาท ที่ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติแล้วเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561
3) โครงการทวาย ประเทศพม่า น่าจะเดินหน้าก่อสร้างโครงการได้ เนื่องจากมีนักลงทุนที่ไปลงทุนประเทศจีนย้ายฐานการลงทุนมายังประเทศไทย เพราะสงครามการค้าโลกระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ซึ่งนอกจากที่จะไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจอีอีซี ( EEC ) แล้ว อีกส่วนหนึ่งก็น่าจะย้ายฐานการลงทุนมาที่โครงการทวาย ประเทศพม่า
4) และเมื่อถึงเวลานั้น โครงการโปแตส จ.อุดร ก็น่าจะได้รับใบอนุญาติประทานบัตรและเริ่มพัฒนาโครงการได้แล้ว
5) ฟองสบู่โลกแตกในปีต่อมาคือปี พ.ศ 2564
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.settrade.com ) และ ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 5 - 7 และ 8 - 11 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com