ITD กับราคาหุ้นที่หายไป

บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD หนึ่งในหุ้นรับเหมาก่อสร้างที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เพราะถือเป็นบริษัทแนวหน้าของเมืองไทย หากมีการประมูลโครงการระดับชาติ ต้องมีชื่อ ITD ติดโผอย่างแน่นอน โดย ITD รับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร มีความชำนาญในงานก่อสร้างทุกประเภท มีความพร้อมที่จะสร้างโครงการขนาดใหญ่ หรือใช้เทคนิคขั้นสูง และได้ขยายธุรกิจรับเหมาก่อสร้างไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย


หากดูความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ในรอบ 5 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.2563 พบว่า ราคาหุ้นทำจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2558 ที่ระดับ 9.05 บาท แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทำจุดต่ำสุดที่ระดับราคา 0.69 บาทเมื่อวันที่ 19 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา นับเป็นราคาลดลงสูงถึง 92.38% จากจุดสูงสุดดังกล่าว


อย่างไรก็ตามแม้ล่าสุด ITD ชนะการประกวดราคาก่อสร้างงานโยธา โครงการความร่วมมือด้านรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย-จีน สัญญาที่  4-5 งานโยธาสำหรับช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.30 กิโลเมตร(กม.) ซึ่ง ITD เสนอราคาต่ำสุดที่  9,913 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 11,801 ล้านบาท ถึง 16%  แต่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า โครงการดังกล่าวจะกดดันผลประกอบการไม่เด่น ในขณะที่ฐานะการเงินอ่อนแอ ภาระหนี้สูงกว่าทุนถึง 2.86 เท่า แนะนำ ชะลอการลงทุน


Wealthy Thai ได้สำรวจตัวเลขงบการเงินย้อนหลัง 3 ปี พบว่า ปี 2560 มีรายได้รวม 56,139.63 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 412.65 ล้านบาท ขณะที่ปี 2561 มีรายได้รวม 61,894.09 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 305.62 ล้านบาท ส่วนปี 2562 มีรายได้วม 63,213.04 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 37.34 ล้านบาท


ล่าสุดงวดไตรมาส 1/2563 ทาง ITD  รายงานว่า ได้เลื่อนส่งงบไตรมาส 1/2563 เนื่องจาก ผลกระทบจาก COVID-19 เป็นเหตุให้บริษัทไม่สามารถจัดทำและนำส่งรายงานที่แสดงฐานะและผลการดำเนินงานต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ ด้วยเหตุก่อให้เกิดอุปสรรคหรือข้อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลอย่างเป็นสาระสำคัญต่อการจัดทำรายงานดังกล่าว


ขณะที่หนี้สินรวมปี 2562 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 88,107.74  ล้านบาท เพิ่มจากปี 2561 ที่อยู่ระดับ 81,544.41  ล้านบาท แบ่งเป็น เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืม 7,335.67 ล้านบาท เจ้าหนี้และตั๋วเงินจ่ายการค้าสุทธิ 20,066.95 ล้านบาท  หนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี 15,298.19 ล้านบาท และหนี้สินไม่หมุนเวียน 30,375.11 ล้านบาท


ในปี 2562 บริษัทมีต้นทุนทางการเงิน จำนวน 2,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นจำนวน 294 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายของเงินกู้ยืมสำหรับการให้บริการก่อสร้างในโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นปี 2562 ปรับลดลงเหลือเพียง 13,135.08  ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ที่อยู่ระดับ 13,803.99  ล้านบาท


จากการตรวจสอบใน setsmart.com พบว่าสิ้นปี 2562 ทาง ITD มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio : D/E) สูงเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มที่ระดับ 6.71 เท่า และมีอัตราส่วนภาพคล่องเพียง 0.92 เท่า (มีค่าน้อยกว่า 1 เท่า แปลว่า บริษัทขาดสภาพคล่อง มีหนี้สินระยะสั้นมากกว่าสินทรัพย์ระยะสั้น คือ มีสินทรัพย์ระยะสั้นไม่พอจ่ายหนี้)

เปิดมุมมองกลุ่มรับเหมา

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า สถานการณ์การระบาดอย่างหนักของไวรัส COVID-19 แม้ยังไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการรับรู้รายได้ของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่ก็มีส่วนทำให้การทำงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีความยากลำบากขึ้น ทั้งในด้านการติดต่อประสานงานกับ Supplier การขออนุมัติจากที่ปรึกษาโครงการที่ได้รับมอบหมายจากภาครัฐในการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ที่มีแหล่งผลิตจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส การปรับเวลาการทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเคอร์ฟิว


รวมไปถึงมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยต่อพนักงานและคนงานจำนวนมากใน Site งานก่อสร้างต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนงานติดไวรัส COVID-19 ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องมีการหยุดงานและกระทบต่อการรับรู้รายได้ ทั้งนี้ยังต้องติดตามมาตรการภาครัฐที่จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆในอนาคต เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส เพราะหากมีออกมาตรการเช่นการจำกัดช่วงเวลาในการทำงานที่ยาวนานขึ้น หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายคนงาน ก็อาจส่งผลต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในวงกว้าง


แม้ว่าปี 2562 จะมีการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐหลายโครงการ เช่น โครงการทางด่วนดาวคะนองพระราม 3 และรถไฟไทยจีน ซึ่งแยกประมูลออกเป็นสัญญาย่อยๆ รวมถึงระบบดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราช และ  บางใหญ่-กาญจนบุรี แต่จนถึงปัจจุบันพบว่าหลายสัญญาที่ได้ผู้ชนะประมูลแล้วยังไม่มีการเซ็นสัญญา

ITD ดอกเบี้ยจ่ายสูง

แนวโน้มผลประกอบการโดยรวมของบริษัทรับเหมาก่อสร้างช่วงครึ่งปีแรก 2563 น่าจะออกมาไม่โดดเด่น โดยบริษัทที่คาดจะเห็นกำไรหดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ITD,CK,NWR  และ STPI โดย ITD มีปัญหาด้านการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและดอกเบี้ยจ่ายที่สูงมาก

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก