โบรกชี้‘หุ้นไทย’ฟื้นรับปัจจัยบวก กนง.ลดดอกเบี้ย-ลุ้นแรงหนุน ‘ThaiESGX’ เทรด 2 พ.ค.นี้
โบรกชี้‘หุ้นไทย’ฟื้นรับปัจจัยบวก กนง.ลดดอกเบี้ย-ลุ้นแรงหนุน ‘ไทยอีเอสจี เอ็กซ์’ เทรด 2 พ.ค.นี้ ขณะที่ วานนี้ดัชนีฯ พุ่ง 26.14 จุด คาดระยะกลาง-ยาว มีมุมมองเป็นบวก
วานนี้ “ดัชนีหุ้นไทย” พุ่งแรงปิดตลาด 26.14 จุด อยู่ที่ 1,197 จุด รับอานิสงส์ กนง. หั่นดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% “บล.กรุงศรี” ชี้ตลาดหุ้นรอมาตรการทางการเงิน-คลังเข้ามาหนุน ดังนั้น ลดดอกเบี้ยรอบนี้ดัชนีฯ ตอบรับคาดขยับ 45-50 จุด “บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล” มองหนุนดัชนีหุ้นปรับขึ้น 18 จุด ลุ้นปัจจัยบวก กองทุน ThaiESGX เข้าซื้อขาย 2 พ.ค.นี้

ความเคลื่อนไหว “ดัชนีหุ้นไทย” วานนี้ (30 เม.ย.2568) พุ่งแรงมาปิดตลาด 1,197.26 จุด เพิ่ม 26.14 จุด หรือ 2.23% ด้วยมูลค่าซื้อขาย (วอลุ่ม) 54,369.45 ล้านบาท พบว่า “นักลงทุนต่างชาติ” ซื้อสุทธิ 3,318.58 ล้านบาท โดยปรับตัวขึ้นโดดเด่นหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทย “ดีดตัวเด้ง” รับทันทีเช่นกัน ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุส่งผลดีต่อหุ้นต่อหุ้นโรงไฟฟ้า และธุรกิจเช่าซื้อ
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ผลการประชุม กนง. ในครั้งนี้ ที่มีมติไม่ได้เป็นเอกฉันท์ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5 ต่อ 2 แต่ทว่าสอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดลง
อย่างไรก็ตาม ในมุมของผลกระทบของตลาดหุ้นไทย ต้องยอมรับว่าราคาสินทรัพย์ที่ผ่านมามีการปรับฐานลงมาก่อนหน้านี้ และมีการ price in ในเรื่องเศรษฐกิจที่จะโตต่ำไปล่วงหน้า ดังนั้น สิ่งที่ตลาดคาดหวังคือ มาตรการทั้งการเงิน การคลัง เพื่อเข้ามากระตุ้นให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้
เพราะฉะนั้นการลดอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ ทําให้ตลาดตอบรับในเชิงบวก ทุก 25bps จะทําให้ Equity Risk Premium จากในปัจจุบันที่ 4.95% ขยับขึ้นไปอีก 25bps ซึ่งจะช่วยหนุนดัชนีหุ้นไทยได้ประมาณ 45-50 จุด โดยแนะนำลงทุนในโรงไฟฟ้าหุ้น บริิษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF , บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และกลุ่มเช่าซื้อ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างวันของวันที่ 30 เม.ย. 2568 อาจจะมี sale on fact ในช่วงบ่ายบ้าง แต่ทว่าในระยะกลางและยาวยังคงเป็นภาพบวก มองเป็นหุ้น MTC , SAWAD กลุ่มอสังหาฯ AP หนี้สูง CPALL BJC MINT และ High Yield หุ้น ADVANC
สำหรับ ความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังหลังจากนี้ คือยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ทว่าสิ่งที่คาดหวังในภาครัฐเข้ามากระตุ้นนโยบายการเงินและการคลัง และการเจรจาการค้า หากมีการ เจรจาแล้ว ลดกําแพงภาษีจาก 36% ลงมาได้ คาดว่าจะทำให้ตลาดจะฟื้นตัวแบบมีเสถียรภาพมากขึ้น
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลต่อไปอีกว่า โดยปกติทุก 25bps จะทำให้หุ้นปรับเพิ่มขึ้น 18 จุด แต่ว่าตลาดได้มีการคาดการณ์มาได้ระยะหนึ่งแล้วว่า กนง. จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในรอบนี้
โดยหุ้นที่เด้งขึ้นมาได้อีกคงต้องมาจากเรื่อง ๆ เช่น ThaiESGX ที่จะมาในวันที่ 2 พ.ค.2568 นี้ที่จะมาช่วยหนุนดัชนีหุ้นไทยได้อีก อย่างไรก็ตามยังมองแนวต้านไว้ที่ 1,200 จุด
เพราะฉะนั้นวันที่ 30 เม.ย.2568 หุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา ส่วนตัวมองว่า เป็นจังหวะที่เหมาะแก่การเทคโฟรฟิต โดยแบ่งขายหุ้นตัวที่นักลงทุนมองกว่า อาจจะได้กำไรบ้าง และรอไปซื้อหุ้นกลุ่มใหญ่หลัก หลังจาก ThaiESGX ออกมา และรอดูว่าจะสามารถขายได้กี่หมื่นล้านบาท เนื่องจากว่า กระทรวงการคลังได้ออกมาบอกว่า จะมีการโยกกองทุน LTF และมีเงินใหม่ที่จะเข้ามา รวม ๆ ก็น่าจะประมาณแสนล้านบาท โดยหุ้นที่แนะนำ GULF PTTEP SCC และ CPALL
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายเร่งตัวขึ้นมา ตอบรับผลประชุมกนง. ที่มีมติปรับลดดอกเบี้ย 0.25% อย่างไรก็ดี ดัชนีย่อลงมา จาก Sell on Fact โดยมีแรงเก็งกำไรมาก่อนหน้านี้ อาทิ กลุ่มไฟแนนซ์โดยเฉพาะ MTC ที่ปรับตัวขึ้นมารอก่อนแล้ว เมื่อมีมติกนง. ชัดเจนออมาจึงมีแรงขายออกมา
ส่วนการปรับลดประมาณการ GDP ไทยปี 2568 เหลือ 1.3-2.0% ขึ้นกับเงื่อนไขการเจรจาการค้ากับสหรัฐเป็นหลัก ตลาดรับรู้แล้วว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลด GDP อีกทั้งกำลังจะเข้าวันหยุดยาว จึงมีแรงขายลดเสี่ยงออกมาหลังจากขึ้นมาระดับหนึ่ง
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1178381