ถือ SCGP มา 6 เดือน ติดลบ 29%
โบรกฯ มองเป็นโอกาสทยอยสะสม
ชี้ผลงานผ่านจุดต่ำสุด เข้าสู่ภาวะฟื้นตัว

.
กลุ่มบริษัท SCC หรือ ในอีกชื่อที่นักลงทุนหลายๆคนเรียกกันว่า กลุ่มหุ้นปูนใหญ่ ถือเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไป ด้วยการเติบโตของธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาจึงสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนอย่างเงินปันผลได้ในระดับที่ค่อนข้างสูง
.
แต่ด้วยภาพรวมของเศรษฐกิจในหลายประเทศที่เข้าสู่ภาวะถดถอยและนโยบายการเงินขาขึ้น ก็ได้ส่งผลให้กำลังซื้อในสินค้าหลายประเภทได้ปรับตัวลง รวมไปบริษัทลูกของ SCC อย่างบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ที่โดนผลกระทบดังกล่าวด้วยเช่นกัน
.
พร้อมกันนี้ สิ่งที่สะท้อนความเชื่อของนักลงทุนอย่างราคาหุ้นเองก็ได้ตอบรับเชิงลบ ตามที่ทาง Wealthy Thai ได้สำรวจข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วง 6 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค 66 ถึง 18 ก.ค. 66) พบว่าปรับตัวลดลง 29.09 % หรือลงมาอยู่ที่ระดับราคา 39 บาท แต่การปรับตัวในครั้งนี้ของ SCGP จะเป็นโอกาสให้ลงทุนหรือไม่ เราหาคำตอบมาให้แล้ว
.
โดยบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ซื้อ” SCGP ราคาเป้าหมายที่ 52 บาท แม้กำไรในครึ่งปีแรกปี 2566 อาจยังไม่เด่นมาก แต่การฟื้นตัวต่อเนื่องรายไตรมาสได้สะท้อนผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จึงมองเป็นโอกาสทยอยสะสมตอบรับการฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีและมูลค่าหุ้นในปัจจุบันน่าสนใจ
.
สำหรับกำไรไตรมาส 3/66 คาดฟื้นตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจใน ASEAN และจีนทยอยฟื้นตัว รวมถึงมีโอกาสเห็นการปรับราคาขายกลุ่ม packaging paper ที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักเพิ่มขึ้น ขณะที่ด้านต้นทุนกระดาษและถ่านหินยังคงเห็นแนวโน้มการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
.
ด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 43บาท เนื่องจากมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากทิศทางกำไรที่ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบันที่ปรับตัวลงมาได้สะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว
.
แต่อย่างไรก็ดี ได้มีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลง 10% เป็น 6 พันล้านบาท แต่ยังคงเติบโตจากปีก่อนหน้า 5% เพื่อสะท้อนรายได้รวมฟื้นตัวช้ากว่าคาดโดยเฉพาะธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ ซึ่งแนวโน้มในครึ่งปีหลังปี 2566 จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อนและช่วงก่อนหน้า
.
โดยปัจจัยสนับสนุนจะมาจากการรับรู้ผลบวกต่อเนื่องจากต้นทุนโดยรวมลดลง โดยเฉพาะต้นทุนเศษกระดาษ ซึ่งโดยปกติจะมี lagging effect ราว 1 ไตรมาส ทำให้ core EBITDA margin มีช่องให้ขยายตัวมากขึ้น และแนวโน้มความต้องการบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนปรับตัวดีขึ้นหลังทิศทางเงินเฟ้อเริ่มลดลงและอานิสงส์ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว