โรงไฟฟ้าน่าซื้อไหม ปันผลสูงแถม P/E ต่ำสิบ
หุ้นโรงไฟฟ้ายังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างคับคั่ง เห็นได้จากวอลุ่มการซื้อขายในแต่ละวันที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่น อาจจะเพราะถือเป็นหลุมหลบภัย หรือ Defensive Stock ท่ามกลางภาวะตลาดที่ผันผวนหนัก เนื่องจากมีรายได้ที่แน่นอนและมั่นคงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และส่วนมากจะเป็นสัญญาระยะยาว โดยผลประกอบการจะไม่ได้อิงไปกับภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและความไม่แน่นอนที่มีอยู่สูง ทำให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ายังเป็นตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน Wealthy Thai จึงได้หยิบยกหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีค่า P/E ต่ำกว่า 10 เท่า เพื่อมานำเสนอต่อนักลงทุน โดยพบว่ามีจำนวน 8 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย SUPER, TSE, SPCG, TPIPP, WHAUP, GUNKUL, EGCO และ SSP
แต่บางครั้งที่ธุรกิจกำลังสร้างการเติบโต หุ้นบางตัวก็อาจจะมีค่า P/E อยู่ในระดับสูงก็เป็นได้ สรุปคือ ถ้าบริษัทไหนมีค่า P/E สูง แต่ถ้าการเติบโตสูง นักลงทุนก็พร้อมยอมรับเช่นเดียวกัน ดังนั้นเราเชื่อว่านักลงทุน คงจะวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนควบคู่ไปกับความเสี่ยงที่ได้รับ
ค่า P/E เป็นอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นที่บริษัททำได้ในรอบปีล่าสุด เป็นค่าที่จะได้ยินบ่อยที่สุด เนื่องจากสามารถนำมาเปรียบเทียบได้ทั้งหุ้นรายตัวและสภาพตลาดโดยรวม อธิบายง่ายๆ คือ ค่า P/E สามารถประมาณการจุดคุ้มทุนให้กับผู้ลงทุนได้
หุ้นโรงไฟฟ้า P/E ต่ำกว่า 10 เท่า
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า “เท่ากับตลาด” และแนะนำให้ “ซื้อสะสม” หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมามากจากปัจจัยลบระดับมหภาคที่มีผลกระทบจำกัดต่อผลประกอบการในอนาคตของกลุ่ม ภายใต้สมมติฐาน COVID-19 สามารถคลี่คลายขึ้นภายในปีนี้
โดยโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (IPPs) จะไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากมีสัญญาซื้อขายไฟระยะยาว (PPA) กับการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย แต่โรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPPs) จะได้รับผลกระทบบ้างเนื่องจากมีขายไฟฟ้าโดยตรงให้บริษัทเอกชน (ประมาน 20% ของกำลังการผลิต) ในขณะที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ (hydro power plant) จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทำให้ผลิตไฟฟ้าได้น้อย อย่างไรก็ตามสามารถแจ้งขายไฟฟ้าชดเชยในปีที่น้ำมากได้ทำไห้ระยะยาวผลกระทบมีจำกัด
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก