ห้องเม่าปีกเหล็ก

อุตสาหกรรมต่อเรือจีน: ยักษ์เงียบที่สหรัฐฯ ต้องการสกัด

โดย Forest
เผยแพร่ :
155 views

อุตสาหกรรมต่อเรือจีน: ยักษ์เงียบที่สหรัฐฯ ต้องการสกัด

ขณะโลกจับตาสงครามเทคโนโลยี ชิป และรถยนต์ไฟฟ้า จีนกลับผงาดในอีกสมรภูมิหนึ่งที่เงียบกว่า อุตสาหกรรมต่อเรือ ยักษ์ที่เติบโตเงียบๆ ใต้ผืนน้ำ

ปัจจุบัน จีนคือผู้ผลิตเรือรายใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งในแง่ “ตันกรอส” (CGT) และ “ปริมาณคำสั่งซื้อใหม่” โดยมีบริษัทอย่าง China State Shipbuilding Corporation (CSSC) เป็นหัวหอกที่มีทั้งเทคโนโลยี เงินทุน และกำลังการผลิตเหนือกว่าชาติอื่น

ไม่นานมานี้ สหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บ “ค่าธรรมเนียมเรือสินค้าของจีน” ที่เข้าเทียบท่าสหรัฐฯ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ และลดการพึ่งพาจีนในห่วงโซ่อุปทานทางทะเล

 

 

 

ทำไมต้องเล็ง “เรือจีน”?

กราฟแสดงการผลิตเรือทั่วโลกชี้ชัดว่า #จีนครองส่วนแบ่งตลาดต่อเรือมากกว่า50% ตั้งแต่ปี 2023 - ปี 2025 ขณะที่อุตสาหกรรมต่อเรือของสหรัฐฯ ถดถอยลงอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

 

Timeline: เส้นทาง 20 ปี อุตสาหกรรมต่อเรือจีนผงาด

• 2005 จีนประกาศให้อุตสาหกรรมต่อเรือเป็น “อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์แห่งชาติ”

• 2008 – 2010 จีนแซงเกาหลีใต้ขึ้นแท่น “ผู้ผลิตเรืออันดับ 1 ของโลก”

• 2012 – 2015 ผลิตเรือพาณิชย์-บรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ พร้อมเทคโนโลยีล้ำหน้า

• 2023 จีนครอง ส่วนแบ่งตลาดเรือต่อใหม่เกิน 50%ของโลก กลายเป็น “ผู้นำแบบเบ็ดเสร็จ” ของอุตสาหกรรมต่อเรือ

• 2024 – 2025 สหรัฐฯ เริ่มใช้มาตรการจัดเก็บภาษีต่อเรือจีน รวมถึงห้ามนำเข้าบางชิ้นส่วนสำคัญ สะท้อนถึง “แนวรบใหม่ของสงครามการค้า” ที่ขยายจากแผ่นดินสู่ท้องทะเล

จากเรือพาณิชย์สู่เรือรบ: ช่องว่างที่สหรัฐฯ ไม่อาจมองข้าม

แม้ภาพใหญ่จะเป็นเรือพาณิชย์ เช่น เรือคอนเทนเนอร์ เรือบรรทุก LNG แต่จีนแปลงกำลังการผลิตพาณิชย์สู่การทหารได้รวดเร็ว ทั้งเรือรบและเรือดำน้ำ

นี่คือจุดที่สหรัฐฯ เริ่ม “ระแวง” ว่าความได้เปรียบเชิงพาณิชย์ของจีนอาจกลายเป็น อำนาจทางทหารในมหาสมุทร ที่ขยายตัวแบบไร้เสียงในทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวัน

 

สหรัฐฯ งัดไม้แข็ง! เตรียมเก็บภาษีเรือสินค้าจีน

วัตถุประสงค์: ลดการพึ่งพาจีน และฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ

แนวทางมาตรการภาษี

- เก็บภาษีตามน้ำหนักสุทธิ ($50 ต่อเน็ตตัน เพิ่มขึ้นทุกปี)

- หรือภาษีตามคอนเทนเนอร์ ($120 ต่อกล่อง และจะสูงถึง $250)

- ยกเว้นสำหรับเรือที่ให้บริการในเส้นทางภายในประเทศและบางดินแดน

- คาดมีผลเริ่มบังคับใช้ ตุลาคม ปี 2025

 

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

- ต้นทุนขนส่งระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น → ราคาสินค้าพุ่ง

- ห่วงโซ่อุปทานโลกสะเทือน → อาจเกิดอุปทานขาดแคลน กระทบผู้ผลิต-ค้าปลีก

- การเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้า → ใช้เส้นทางอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า หรือเลือกใช้ผู้ให้บริการขนส่งจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีน

- ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก → เกิดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง

 

นี่คือมาตรการกีดกันทางการค้า หรือกลยุทธ์เชิงอุตสาหกรรม?

ภาษีนี้อาจไม่ใช่แค่ “เกมภาษี” แต่คือ แผนยึดคืนพื้นที่อุตสาหกรรม ที่สหรัฐฯ เคยครองในอดีต และตอนนี้กำลังเสียเปรียบจีนในทุกสมรภูมิ — แม้แต่ในทะเล

 

เดิมพันของโลกเสรีในมหาสมุทร

นี่ไม่ใช่แค่เรื่อง “เรือ” แต่คือ อำนาจทางทะเลในศตวรรษที่ 21

หากจีนครองอุตสาหกรรมต่อเรือได้สำเร็จ ด้วยต้นทุนต่ำ กำลังผลิตสูง และการควบคุมห่วงโซ่อุปทานแบบเบ็ดเสร็จ จีนก็จะมีอำนาจและอิทธิพลทั่วทั้งมหาสมุทรอินโด–แปซิฟิก

จึงไม่น่าแปลกใจที่ "อู่ต่อเรือ" กำลังกลายเป็น “แนวรบใหม่” ของการแข่งขันมหาอำนาจ ที่ไม่ได้อยู่ในหุบเขาซิลิคอน แต่ซ่อนตัวอยู่ในท่าเรือ…ของจีน

.

ผู้เขียน: เพ็ญพิชชา สกลวิทยานนท์ Economic Data Analytics Team

════════════════

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก.. เพจ Bnomics by Bangkok Bank 


Forest