BGRIM ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัว แต่นักวิเคราะห์ชี้ยังไม่ใช่จังหวะ “ซื้อ” และไม่ใช่ช่วงที่เหมาะกับการถือยาว
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ในช่วงที่ผ่านมา หากเราย้อนกลับไปนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (1 ก.ค.65) ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 11.11% โดยปิดการซื้อขายของวันดังกล่าวที่ 36 บาท แต่หากย้อนกับไปในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลับฟื้นตัวอย่างชัดเจนที่ระดับ 2.86% โดยในงวดครึ่งปีหลังของเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ระดับ 7.46%
สัญญาณการฟื้นตัวของราคาหุ้น BGRIM จะน่าสนใจแค่ไหน และนักลงทุนสามารถเข้าสะสมได้หรือไม่ Wealthy Thai ได้ต่อสายตรงไปยัง นายธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งบอกกับเราว่า ในเรื่องผลประกอบการช่วงของครึ่งปีแรกได้ผ่านจุดจ่ำสุดไปแล้ว เนื่องจาก ปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติเริ่มมีอัพไซด์จำกัด
ส่วนค่า Ft ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนด้านรายได้ ก็เริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้ว และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีกในการปรับรอบหน้า จึงน่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทน่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ในช่วงของครึ่งหลังของปี 2565 และจะเติบโตได้ดีกว่างวดครึ่งปีแรก เป็นผลมาจาก ค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการ COD เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าปัจจุบัน จึงยังไม่เห็นชัดเจนขนาดนั้น แต่โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่จะ COD จะมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงที่ต่ำกว่าโรงไฟฟ้าเดิม และมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เพราะเป็นโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ จึงคาดว่าจะช่วยในเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของก๊าซธรรมชาติลงไปแต่จะเห็นชัดมากน้อยแค่ไหน ต้องรอให้ทางบริษัท COD มาก่อน
ทั้งนี้ต้นทุนเชื้อเพลิงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยราคาก๊าซธรรมชาติในช่วงไตรมาส 2/65 ยังทรงตัวจากไตรมาสแรก ส่วนไตรมาส 3/65 มองว่า ถ้าจะขึ้นอัพไซด์น่าจะจำกัดแล้ว เนื่องจาก สถานการณ์ต่างๆ เริ่มผ่านจุดที่ผันผวนมากที่สุดแล้ว ทำให้ราคา มีแนวโน้มที่จะทรงตัว หรือ sideway down ในระยะถัดไป แต่อย่างไรก็ตามในช่วงที่ราคาก๊าซลงจะไม่ได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็วเหมือนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่จะเป็นค่อยๆปรับตัวลดลง แต่ค่า Ft ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตามในปี 2565 ประเมินกำไรไว้ที่ระดับ 1,300 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรราว 2,275.70 ล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกผลประกอบการของบริษัทจะไม่ค่อยดีเลย เพราะต้นทุนราคาก๊าซที่ปรับเพิ่มขึ้น และค่า Ft ที่ยังไม่ปรับขึ้น ดังนั้นเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้นเร็วจึงกดดันกำไรของบริษัท ส่วนครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้นมา หลังจากภาครัฐมีการปรับค่า Ft เพิ่มขึ้น ทำให้มาจิ้นเริ่มฟื้นตัว จึงมองกำไรแบบ conservative ไว้ก่อนที่ระดับดังกล่าว
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนใน BGRIM หากเป็นการลงทุนระยะสั้นมองว่าอาจจะยังไม่จังหวะเข้าลงทุน เนื่องจาก ระยะสั้น ยังมีปัจจัยกดดันจากผลประกอบการไตรมาส 2/65 ที่ยังไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าจะเก็งกำไรก็พอได้ในประเด็นการปรับขึ้นของค่า Ft ที่ทางภาครัฐจะมีการประชุมในช่วงกลางเดือนก.ค.ว่าในงวดถัดไปจะมีการปรับค่า Ft เพิ่มขึ้นประมาณเท่าไหร่
ส่วนนักลงทุนระยะยาว หากมองไปยังปี 2566 หรือ 2567 ก็อาจจะพอได้ แต่ในปี 2565 จะเป็นปีที่ไม่ดีของ BGRIM ดังนั้นจึงมองว่า นักลงทุนระยะยาวไม่ต้องรีบลงทุนในตอนนี้ ให้รอสัญญาณการปรับตัวลงของราคาก๊าซธรรมชาติก่อน แล้วค่อยเป็นจังหวะเข้าซื้อ กล่าวคือ อาจจะเก็งกำไรตามประเด็นพิเศษได้ แต่ไม่ใช่ช่วงที่เหมาะกับการถือยาว โดยในราคาเป้าหมาย 33.25 บาท/หุ้น แนะนำ “Trading”