BTS งบปี 65/66 กำไรหายไป 2 พันล้านบาท
ส่วนหนึ่งแบกรับผลขาดทุนจาก “เคอรี่ฯ”
กูรูมองแนวโน้มยังท้าทาย เหตุบริษัทย่อยถ่วง

.
BTS ประกาศงบงวดปี 65/66มีกำไรสุทธิ 1,836.48 ล้านบาท ลดลง 1,989.1 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 52% จากปีก่อน โดยมีรายได้ลดลงตามการให้บริการรับเหมาที่ลดลง รวมทั้งยังรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนใน KEX จำนวน 711 ล้านบาท ฟากโบรกฯมองผลประกอบการที่ออกมาแย่กว่าที่คาดไว้อย่างมากเป็นเพราะรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และผลการดำเนินงานของธุรกิจหลัก
.
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดปี 65/66 (สิ้นสุด 31 มี.ค.66) มีกำไรสุทธิ 1,836.48 ล้านบาท ลดลง 1,989.1 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 52% จากงวดปี 64/65 ที่มีกำไร 3,825.58 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 24,139 ล้านบาท ลดลง 22.6%จากปีก่อน ตามการให้บริการรับเหมาที่ลดลง 9,227 ล้านบาท เนื่องจากอยู่ในช่วงท้ายของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง
.
อย่างไรก็ตาม รายได้ที่ลดลงถูกชดเชยด้วย รายได้จากการบริการและการขายที่เพิ่มขึ้น 1,498 ล้านบาท ตามการเติบโตของธุรกิจ MIX และการบริการเดินรถและซ่อมบำรุง ภายใต้ธุรกิจ MOVE (ธุรกิจระบบขนส่งมวลชนทางราง) และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับจำนวน 1,097 ล้านบาท
.
นอกจากนี้ในปี 65/66 บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนใน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX จำนวน 711 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของผลการดำเนินงานของธุรกิจโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม บริษัทบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART จำนวน 145 ล้านบาท
.
โบรกฯมอง แนวโน้มยังดูท้าทาย
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผลประกอบการของ BTS ในรอบงบไตรมาส 4/66 ออกมาน่าผิดหวังอย่างมาก โดยพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 222 ล้านบาท จากที่มีกำไร 813 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากกำไร 1 พันล้านบาทในไตรมาสก่อน
.
โดยผลประกอบการที่ออกมาแย่กว่าที่คาดไว้อย่างมากเป็นเพราะรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และผลการดำเนินงานของธุรกิจหลัก โดยในไตรมาสนี้ มีการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 602 ล้านบาทจากผลขาดทุนที่เกิดจากเครื่องมือทางการเงิน (การลงทุนในตราสารหนี้ และอนุพันธ์) และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อย (VGI, KEX และ Rabbit Holding)
.
แต่หากตัดรายการดังกล่าวออก กำไรจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 380 ล้านบาทเท่านั้น ลดลง 26%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 25% จากไตรมาสก่อน
.
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่าย SG&A ที่พุ่งสูงขึ้นจาก VGI และผลขาดทุนจากการลงทุน (equity investment) เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดผลการดำเนินงาน โดยกำไรจากธุรกิจหลักเต็มปี 65/66 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 20%จาดปีก่อนy และต่ำกว่าประมาณการของเรา 14% ซึ่งจะทบทวนประมาณการกำไรปี 67 หลังจากร่วมการประชุมนักวิเคราะในวันพฤหัสบดีนี้
.
ขณะที่แนวโน้มยังดูท้าทายเพราะมีบริษัทย่อยเป็นตัวถ่วง โดยถึงแม้ว่าธุรกิจรถไฟฟ้าจะมีแนวโน้มสดใสจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของจำนวนผู้โดยสาร แต่แนวโน้มของบริษัทย่อย อย่างเช่น VGI (ถือหุ้น 51%) ยังดูท้าทายจากการลงทุนในบริษัทย่อย ดังนั้น จึงไม่คิดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นมากนักในรอบงบไตรมาส 1/67
.
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการจะไม่สดใส แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยยังคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 10 บาท เพราะมองว่าราคาหุ้นที่ตกหนักในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาสะท้อนความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการไปมากแล้ว ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่จะถูกยกเลิกสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวกับ กทม. ด้วย