ห้องเม่าปีกเหล็ก

13 วิธีหาหุ้น Style Peter Lynch

โดย Vira
เผยแพร่ :
64 views

13 วิธีหาหุ้น  Style Peter Lynch

 

                  นักลงทุนเกือบทุกท่าน ทั้งสายพื้นฐานหรือแม้กระทั่งสายเทคนิค น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ปีเตอร์ ลินซ์ผู้บริหารกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดกองหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่า ไฟเดลลิตี้ แมกเจลลัน (Fidelity Magellanเขาได้สร้างความฮือฮาให้เกิดขึ้นในวงการตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกา ด้วยการทำให้ผลตอบแทนของกองทุนของเขาออกมาสูงถึง 28 เท่า ภายในระยะเวลา 13 ปี พูดง่ายๆ ก็คือ หากคุณผู้อ่านลงทุนกับนายลินช์ในปี 2520 เป็นเงิน 1 ล้านบาท พอถึงปี 2533 คุณผู้อ่านก็จะได้เงินสูงถึง 28 ล้านบาท วันนี้เราจะมาดูกันถึงสไตล์การหาหุ้นของเขากัน

 

 

1.ชื่อบริษัทฟังแล้ว...น่าเบื่อหน่าย

                บริษัทที่มีชื่อว่า Crown, Cork and Seal ซึ่งมีความหมายถึง จุกขวด หรือการผนึกฝาต่างๆ เป็นชื่อที่ธรรมดาๆ และน่าเบื่อหน่าย แต่ลินช์จะมองว่า...เป็นข้อดี เพราะผู้คนมักจะไม่สนใจในสิ่งที่...น่าเบื่อหน่าย

 

2.ผลิตสินค้าที่...น่าเบื่อหน่าย 

                บริษัทที่ผลิตสินค้า...ที่น่าเบื่อหน่าย ก็จะสามารถกันคนที่ไม่เฉลียวฉลาดออกไปได้ แต่ลินช์จะชอบมากที่สุดถ้าค้นพบ...บริษัทที่มีชื่อน่าเบื่อหน่าย และยังจะผลิตสินค้าที่น่าเบื่อหน่ายออกมาอีกด้วย

 

3.เป็นหุ้นของบริษัทที่ทำอะไรให้คนไม่ชอบ

               บริษัทที่คนมักจะไม่ชอบได้แก่ บริษัทที่ทำอะไรเกี่ยวกับความสกปรกหรือขยะ เป็นต้น แค่เริ่มต้นทำในสิ่งที่คนไม่ชอบ...คนที่จะสนใจก็น้อยลงไปแล้ว

 

4.เป็นหุ้นของบริษัทที่แตกตัวออกมา

               การแตกบริษัทย่อยออกมาจากบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงแสดงว่า ผู้บริหารของบริษัทนั้นๆ จะต้องเห็นความสามารถและมีความมั่นใจในบริษัทลูก นอกจากนั้นชื่อเสียงของบริษัทแม่ยังช่วยให้บริษัทลูกมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นอีกด้วย

 

5.เป็นหุ้นที่สถาบันลงทุนไม่ชอบที่จะลงทุนด้วย

               หากคุณผู้อ่านค้นพบหุ้นที่ดีตัวใดก็ตามที่สถาบันลงทุนถือไว้น้อยหรือไม่ได้ถือไว้เลย นั่นอาจแสดงว่า...โอกาสกำลังมาแล้ว เพราะคุณสามารถจะซื้อเก็บสะสมมันไว้ได้ก่อนที่รายใหญ่จะลงมาเล่น

 

6.เป็นหุ้นที่รู้สึกว่ามีปัญหาบางอย่าง...กำลังคุกคามอยู่ หรือปัญหามหภาค

                ปัญหาทางสังคมหลายๆ อย่างก็เคยกระหน่ำไปยังบริษัทดีๆ หลายต่อหลายบริษัท หากปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาชุมชนประท้วง ปัญหามวลชนอื่นๆ สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ “หุ้นดี...ราคาต่ำ” ในไทยเอง เช่น วิกฤตน้ำท่วมปี54 ปิดถนนราชดำริเมื่อครั้งมีเหตุการณ์ทางการเมือง

 

7.เป็นบริษัทที่ประสบกับปัญหาขั้นร้ายแรง

                ตัวอย่างที่อาจทำให้คุณผู้อ่านได้เห็นภาพง่ายๆ ขึ้นมาหน่อย เช่น การแพ้คดีความครั้งใหญ่ โรงงานระเบิด กระบวนการผลิตที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต สิ่งเหล่านี้มีผลกับราคาหุ้นแทบจะทันที แต่ต้องพิจารณาให้ดีว่าส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น

 

8.เป็นหุ้นที่แข็งแกร่งหรือเป็นผู้นำตลาดอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังจะแย่

                 อุตสาหกรรมเหล็ก เป็นอุตสาหกรรมที่หลายคนคิดว่า เป็นอุตสาหกรรมประเภทดวงอาทิตย์ตก นั่นหมายถึงอุตสาหกรรมนี้มีอนาคตที่กำลังจะแย่ลง บริษัทเหล็กของอินเดียที่ชื่อว่า มิตทาลสตีล (Mittal Steel) เป็นบริษัทที่คอยกว้านซื้อบรรดาโรงงานเหล็กทั่วโลกในราคาถูก ทำให้ผลิตสินค้าได้ในต้นทุนที่ต่ำ จึงสามารถทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

 

9.เป็นบริษัทที่มีจุดเด่น

                   พอจะจำกันได้ไหมครับว่า บริษัทที่ผลิตยาไวอากร้า (Viagra) ยาที่ทำให้อวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ชายแข็งตัว และทำยอดขายถล่มทลายไปทั่วโลกจากยาตัวนี้มีชื่อว่าอะไร? ใช่แล้วครับ...บริษัทไฟเซอร์ นั่นเอง ยาไวอากร้าได้ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทนี้พุ่งกระฉูดสูงขึ้นไปหลายเด้งทีเดียว หลังจากนั้นมา ยาไวอากร้าเพียงตัวเดียวก็ถือเป็น “รายได้ที่ไม่ต้องทำงาน” ก้อนมหึมา...ของบริษัทไฟเซอร์ไปโดยปริยาย

 

10.ผู้คนต้องซื้อสินค้าของบริษัทนี้เรื่อยๆ

                 ลินช์จะชอบลงทุนในบริษัที่ทำใบมีดโกน น้ำอัดลม หรือบุหรี่ มากกว่าบริษัทที่ทำของเล่น เพราะผู้คนต้องซื้อมันเป็นประจำ และมีโอกาสน้อยมากที่จะเปลี่ยนแปลงไปใช้สินค้าอย่างอื่นแทน

 

11.เป็นบริษัทที่ชอบใช้เทคโนโลยี

               ลินช์จะไม่ชอบลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในการแข่งขันทางด้านราคาที่ไม่สิ้นสุด แต่เขาจะเลือกบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีแทน เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตใช้เครื่องคิดเงินที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น

 

12.คนในบริษัทกำลังซื้อหุ้นของบริษัทตัวเองอยู่

                ไม่มีสัญญาณอะไรที่จะเด่นชัดไปกว่า คนในบริษัทพากันซื้อหุ้นของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่ สิ่งเหล่านี้บ่งบอกด้วยตัวมันเองอยู่แล้วว่า บริษัทของตนต้องมีผลประกอบการดีแน่ๆ

 

13.บริษัทกำลังซื้อหุ้นคืนอยู่

                การซื้อหุ้นของบริษัทตัวเองคืน เป็นสิ่งที่บริษัทจดทะเบียนในเมืองไทยก็เริ่มทำกันเป็นจำนวนมากแล้ว การซื้อหุ้นคืนก็เหมือนกับ...การที่คนในบริษัทกำลังซื้อหุ้นของบริษัทตัวเองอยู่ ซึ่งแสดงถึง บริษัทต้องมีอนาคตที่ดีแน่ และหุ้น...ก็ต้องมีอนาคตที่ดีตามไปด้วย

 

 

                 ตำนานของปีเตอร์ ลินช์ การทำให้กองทุนของเขาเติบโตขึ้นเป็น 28 เท่าภายในเวลาแค่ 13 ปี ยังเป็นตำนานที่คนรุ่นหลังยังประทับใจอยู่จนถึงปัจจุบัน และแทบจะเป็นแม่แบบในการลงทุน ถึงแม้อาจปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวคิดหลายอย่างนั้นไม่สามารถนำมาใช้ตรงๆในการคัดเลือกหุ้นได้อย่างเช่นในอดีต แต่ประโยชน์จากการศึกษาแนวคิดเหล่านี้คือ อะไรที่เป็นสาเหตุให้เขาสนใจในหุ้นเหล่านั้น และนำมาเปรียบเทียบกับสภาวะของตลาดหุ้นในปัจจุบัน

 

- Vira - 

อ้างอิง : หนังสือ beating the street , ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

 


Vira