ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดรายชื่อ 5 หุ้น SET 50 ราคาบวกสวนตลาด แถมอัพไซด์ยังสูง

โดย missวิมลรัตน์
เผยแพร่ :
143 views

เปิดรายชื่อ 5 หุ้น SET 50

ราคาบวกสวนตลาด แถมอัพไซด์ยังสูง

.

ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วง 2 สัปดาห์นี้ได้ทำจุดสูงสุดที่ 1,569 จุด หรือในวันที่ 14 มิ.ย.66 แต่หลังจากนั้นก็เจอปัจจัยกดดันทั้งภายในประเทศและประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ดัชนีมีการปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องจนในวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมาลงไปต่ำถึง 1,495 จุด

.

และแน่นอนว่าก็ทำให้ราคาหุ้นของหลายบริษัทได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน แต่จากการสำรวจข้อมูลของ Wealthy Thai จากวันที่ 13 มิ.ย. ถึง 23 มิ.ย. 66 พบว่าในดัชนี SET50 นั้น ก็ยังมีหุ้นบางตัวที่ราคาหุ้นสามารถบวกสวนดัชนีตลาดขึ้นมาได้ ในวันนี้เราจะพาไปดูกันพร้อมกับกลยุทธ์การลงทุนและอัพไซด์ของราคาหุ้น

.

โดยเริ่มกันที่ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ที่ราคาหุ้นยังคงบวก 4.57% ซึ่งหากคำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 23 มิ.ย. ที่ 9.15 บาท กับราคาเป้าหมายเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 9.58 บาท ยังมีอัพไซด์ของราคาหุ้นจากราคาเป้าหมายดังกล่าวอีกราว 4.69 %

.

สำหรับมุมมองการลงทุนบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้คำแนะนำ “เก็งกำไร” ตามการฟื้นตัวของราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯและถ่านหิน รวมทั้งเป็นหุ้นพลังงานที่มีความเสี่ยงจากนโยบายแทรกแซงพลังงานจำกัดCompany และมองว่านักลงทุนระยะกลางสามารถทยอยสะสม เนื่องจากคาดหุ้นจะฟื้นตัวได้ดีช่วงไตรมาส 4/66 ตามอุปสงค์การ Restocking รองรับอุปสงค์ช่วงฤดูหนาวของยุโรป โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 10 บาท

.

ถัดมาเป็น บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ที่ราคาหุ้นในช่วงกรอบระยะเวลาดังกล่าว สามารถบวกได้ 2.24% ราคาปิดอยู่ที่ 34.25 บาท โดยหากคำนวณจากราคาปิดกับราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์เฉลี่ยที่ 41.32 บาท ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์อีก 20.64%

.

ทางด้านมุมมองการลงทุนบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ซื้อ” และให้ราคาเป้าหมายที่ 39 บาท ราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบระยะสั้นแล้ว จากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 66 ที่อ่อนแอกว่าคาด แต่ประเมินว่าจะสามารถฟื้นตัวในครึ่งปีหลังปี 66 และคาดว่าคุณภาพของกำไรจะดีขึ้นจากการขยายตัวของ IOD ในระยะยาว

.

ถัดมา บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ราคาหุ้นในกรอบช่วงเวลาข้างต้นได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.46% หรือปิดที่ราคา 20.90 บาท ซึ่งเมื่อคำนวณจากราคาปิดดังกล่าวเทียบกับราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 26.17 บาท พบว่าราคาหุ้นยังมีอัพไซด์อีกราว 25.21%

.

โดยคำแนะนำการลงทุนจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้คำแนะนำ “เก็งกำไร” และกำหนดราคาเป้าหมายที่ 25 บาท โดยโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/66 ยังไม่เด่น, การฟื้นตัวของปริมาณขายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานมีโอกาสชะลอตัวลงหากสหรัฐฯหรือยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย และดีล M&A ที่บริษัทเข้าลงทุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญให้กับบริษัทได้

.

ถัดไป บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาหุ้นมีการขยับตัวหรือปรับตัวขึ้นราว 0.79% ในช่วงกรอบระยะเวลาดังกล่าว โดยปิดที่ราคา 31.75 บาทและเมื่อคำนวณกับราคาเป้าหมายเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 38.95 บาท ทำให้ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์อีกราว 22.67%

.

ฟากคำแนะนำการลงทุนบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 46 บาท สามารถซื้อลงทุนระยะยาวได้ จากธุรกิจก๊าซฟื้นตัว ,กำไรปี 2566 ที่ 1.10 แสนล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงก่อน COVID ซึ่งเป็นระดับที่จ่ายปันผลได้ราว 2 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 6.4% และคาดกำไรปกติฟื้นตัวในครึ่งปีหลังปี 66 จากอัตรากำไรฟื้นตัว ตามธุรกิจก๊าซที่ต้นทุนลดลง, ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีฟื้นตัวจากด้อยค่าสินค้าคงเหลือที่ลดลงและโอเวอร์ซัพพลายที่ลดลง

.

สุดท้าย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวเป็นบวก 0.52% หรือราคาปิดที่ 19.40 บาท ซึ่งหากนำราคาหุ้นข้างต้นมาคำนวณกับราคาเป้าหมายเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 21.70 บาท จะพบว่าราคาหุ้นมีอัพไซด์อยู่ที่ 11.85%

.

ขณะที่คำแนะนำการลงทุนของบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 21.40 บาท เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิมั่นคง โดยคาดไตรมาส 2/66 ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนหน้า 23% และไตรมาสก่อนหน้า 2% จากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยที่ขยายตัวขึ้นและการคุมค่าใช้จ่ายการดําเนินงาน นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ขยายตัวขึ้นเป็น 9.7% และ 9.9% ในปี 2566 – 2567 เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มี ROE สูงสุดและสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม

 

 


missวิมลรัตน์