กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รอแรงกระตุ้นจากการอนุมัติงบประมาณ

คาดกำไรปกติรวม ไม่รวมส่วนแบ่งกำไรที่ 138 ลบ. ดีขึ้น YoY และเพิ่มขึ้น 31% QoQ ผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดคือ CK
เราคาดว่าการขึ้นค่าแรงรอบ 2 จะเป็นข่าวเชิงลบ แต่คาดว่าจะมีปัจจัยหนุนเชิงบวกจากการอนุมัติงบประมาณปี 2567 ในเดือน พ.ค.
มุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธุรกิจ แต่มุมมองระมัดระวังมากขึ้นใน 1H67 เราชอบผู้รับเหมางานโยธามากกว่าผู้รับเหมางานตอกเสาเข็ม โดยเลือก CK เป็นหุ้นเด่น
Highlights
พรีวิวไตรมาส 4/2566 เราคาดว่าบริษัทรับเหมาก่อสร้างภายใต้การวิเคราะห์ของเรา (CK PYLON SEAFCO STEC และ TEAMG) จะรายงานกำไรปกติรวมไตรมาส 4/2566 ไม่รวมเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 138 ลบ. (เทียบกับกำไร 7.9 ลบ. ในไตรมาส 4/2565 และ 105.8 ลบ. ในไตรมาส 3/2566 ) ดีขึ้น YoY และเพิ่มขึ้น 30.6% QoQ สาเหตุหลักมาจากผลขาดทุนที่ลดลงของ CK จาก backlog ที่สูงขึ้น ในส่วนของกำไรปกติ คาดบริษัทที่ทำผลงานได้ดีที่สุดคือ CK เนื่องจากมีการสร้าง backlog ที่โดดเด่นในบรรดาบริษัทคู่แข่ง ขณะที่คาดบริษัทที่เติบโตน้อยที่สุดคือ STEC จากส่วนแบ่งผลขาดทุนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง
อัปเดต backlog หลังจากหักการรับรู้รายได้ไตรมาส 4/2566 แล้ว เราคาดว่ามูลค่า backlog ของกลุ่มธุรกิจนี้จะอยู่ที่ 1.967 แสนลบ. ในไตรมาส 4/2566 เพิ่มขึ้น 31.9% YoY แต่ลดลง 8% QoQ เนื่องจากขาดการเปิดตัวโครงการก่อสร้างใหม่จากความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ เราคาดว่าการเปิดตัวโครงการก่อสร้างใหม่จะกลับมาอีกครั้งในครึ่งหลังของปี 2567 เมื่อสภาฯ ผ่านงบการคลังในเดือน พ.ค.2567 ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างสามารถก่อ backlog ใหม่ขึ้นมาใหม่ได้
แนวโน้ม หากมองในด้านลบ คณะกรรมการไตรภาคีจะพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกรอบในเดือน เม.ย.2567 โดยอัตราค่าแรงขั้นต่ำใหม่คาดว่าจะอยู่ที่ 400 บาทในบางจังหวัด ซึ่งน่าจะเป็นข่าวเชิงลบสำหรับกลุ่มธุรกิจนี้ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าผลกระทบจะมีอยู่อย่างจำกัด เนื่องจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างส่วนใหญ่จ่ายค่าแรงให้กับลูกจ้างเกินกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว ขณะที่ในด้านบวก เราคาดว่าจะเห็นแนวโน้มที่สดใสขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 เกี่ยวกับการประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ใหม่ เมื่อสภาฯ ผ่านงบการคลังในเดือน พ.ค.2567 นอกจากนี้ยังจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชนอีกด้วย
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นในกลุ่มธุรกิจนี้ปรับตัวลง CK (-3.6%) STEC (-35.3%) PYLON (-40.7%) SEAFCO (-33%) และ TEAMG (-40%) ซึ่งลดลงมากกว่า SET Index (-16.6%) ยกเว้น CK ที่ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งจากระดับ backlog ที่สูง
KS มุมมองการลงทุน
มุมมองเชิงบวก เราคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มบริการก่อสร้าง ในขณะที่เรามีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นจากแนวโน้มการปรับขึ้นค่าแรงในเดือน เม.ย. เรายังเชื่อว่าการประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และผลตอบแทนจากการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของกลุ่มธุรกิจต่างๆ อาจมองเห็นพัฒนาการในครึ่งหลังของปี 2567 เราชอบบริษัทรับเหมางานโยธามากกว่าบริษัทรับตอกเสาเข็ม เนื่องจาก backlog สามารถรักษาการเติบโตของกำไรและจำกัด downside risk ในกรณีที่การประมูลโครงการโครงสร้างสร้างพื้นฐานล่าช้าออกไปอีก
หุ้นเด่น CK (“ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 28.37 บาท) ยังคงเป็นหุ้นเด่นของเรา เมื่อพิจารณาจาก backlog ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะรับประกันโมเมนตัมการเติบโตของกำไรเชิงบวกเท่านั้น แต่ยังช่วยกระจายกำไรและป้องกัน downside risk ท่ามกลางความไม่แน่นอนของกรอบเวลาการประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ใหม่ ขณะที่ STEC (“ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 12.85 บาท) เป็นผู้เล่น laggard play หลัก
ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ ความล่าช้าในการประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ การชะลอการลงทุนของภาคเอกชน และการปรับขึ้นค่าแรงที่เร็วกว่าคาด