ปตท. แตกพาร์!!! สมใจรายย่อย
ในที่สุดข่าวลือว่า ปตท. จะแตกพาร์ก็เป็นจริง ภายหลังการประชุมคณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้อนุมัติที่จะให้มีการแตกพาร์จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่หุ้นของบริษัท โดยมติดังกล่าวจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 พิจารณาในวันที่ 12 เม.ย. นี้เพื่ออนุมัติต่อไป ส่วนเรื่องที่มองและคาดกันว่าจะเป็นผลดีกับ PTT หรือไม่นั้น หากมองในแง่ของราคาหุ้นที่จะปรับขึ้นไปต่อจากนี้นั้น ก็ให้ดู ตัวอย่างจากหุ้น AOT ที่แตกพาร์ไปก่อนหน้านี้ว่า หลังแตกพาร์แล้ว ราคาหุ้นวิ่งชนิดไม่เหลียวหลังขนาดไหน
ก็ต้องยอมรับว่า ประเด็นเรื่องการแตกพาร์ของ PTT ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมาก ทั้งในแง่ของราคาหุ้นเอง รวมถึงบรรยากาศของตลาดหุ้น เนื่องจาก PTT เป็นหุ้นที่มีขนาดมูลค่ากิจการที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมี Market Cap ล่าสุดกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ดังนั้นราคาหุ้น PTT จึงมีอิทธิพลอย่างมากกับตลาดหุ้นไทย และที่สำคัญ ทำให้นักลงทุนรายย่อยที่อยากเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ สามารถจับต้องได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ความคึกคักต่อจากนี้ไป คงต้องติดตามกันครับว่า กว่าที่ PTT จะแตกพาร์แล้วเทรดกันที่พาร์ใหม่นั้น ราคาหุ้นจะวิ่งทะลุทะลวงกันไปถึงไหน
ทั้งนี้ ทุนจดทะเบียนก่อนการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้มีจำนวน 28,562 ล้านบาท โดยมีทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 28,562 ล้านบาท ตามมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท หรือมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,856 ล้านหุ้น โดยหลังจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้เป็นหุ้นละ 1 บาท ส่งผลให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 28,562 ล้านหุ้น หรือ 10 เท่าตัวให้ได้เทรดกันสนั่นตลาดแน่นอน
นอกจากนี้ ปตท. ได้เปิดเผยผลประกอบการในปี 2560 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.35 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติใหม่ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 9.46 หมื่นล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานดีขึ้นในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในส่วนธุรกิจที่ ปตท. ดำเนินการเอง โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และบริษัทในกลุ่ม ปตท. โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และการกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และได้มีมติอนุมัติประกาศจ่ายปันผล 12 บาท/หุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD 6 มี.ค. และจ่ายปันผล 27 เมย. นี้ ถือเป็นช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
อย่างไรก็ตาม เรื่องการแตกพาร์นั้น ไม่ได้มีผลหรือทำให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ซึ่งนักลงทุนหน้าใหม่อาจจะไม่ค่อยเข้าใจนัก และคงสงสัยว่าทุกครั้งที่บริษัทไหนประกาศแตกพาร์ ราคาหุ้นมักจะวิ่งกันระเบิดระเบ้อ นั่นเป็นเพราะผลบวกทางด้านจิตวิทยาล้วนๆ
เนื่องจากบริษัทที่แตกพาร์ ส่วนใหญ่มักจะมีราคาหุ้นที่สูงแล้ว การเข้าซื้อแต่ละครั้งต้องใช้เงินจำนวนมากโดยเฉพาะรายย่อย ด้วยเหตุนี้นักลงทุนรายย่อยจึงเอื้อมไม่ถึงหุ้นใหญ่ หุ้นบิ๊กแค็ปเหล่านี้ ผลที่ตามมาคือ สัดส่วนการถือหุ้นของรายย่อยนั้นพลอยต่ำไปด้วย
แต่เมื่อมีการแตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท ในกรณีของ PTT นี้ ราคาหุ้นที่เคยสูงในระดับหลายร้อยบาทต่อหุ้น จะลดลงมาอยู่แค่หลักสิบบาทต่อหุ้น เท่ากับว่านักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนเป็นเจ้าของหุ้นได้สะดวกขึ้น สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
การแตกพาร์ของ PTT ในครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกับที่ AOT เคยทำก่อนหน้านี้ และได้รับผลตอบรับดีเกินคาด นับเป็นปัจจัยบวกเกินความคาดหมายที่เข้ามา ช่วยพยุงตลาดในช่วงนี้ได้อย่างเหมาะเจาะทีเดียว มาลุ้นกันว่า PTT ตัวเดียวจะดันดัชนีตลาดหุ้นไทยไปไกลได้แค่ไหน