ห้องเม่าปีกเหล็ก

หุ้นฮ็อต!! : GGC ไปไม่เป็นหลังราคาทำนิวไฮ - อัพไซด์จำกัด

โดย Fin-trading
เผยแพร่ :
71 views
หุ้นฮ็อต!! : GGC ไปไม่เป็นหลังราคาทำนิวไฮ - อัพไซด์จำกัด 

 

  GGC เริ่มก้าวไม่ออกหลังวิ่งทำนิวไฮ ส่องพื้นฐานอนาคตไกล เติบโตตามไทยแลนด์ 4.0 ที่หนุนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ กูรูมองได้โครงการ "Biocomplex" และการเพิ่มกำลังการผลิตเมทิลเอสเทอร์ ดันกำไรโตตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไป ขณะที่ราคาปัจจุบันใกล้เต็มมูลค่า

 

  บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ซื้อขายคึกคักตั้งแต่เปิดตลาดฯ ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ชัดเจนว่าจะขึ้นต่อ หรือ ปรับลง โดยราคาเปิดที่ 15 บาท ก่อนปรับขึ้นแตะ 15.20 บาท ต่ำสุดที่ 14.80 บาท ก่อนปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ 14.90 บาท ทรงตัวจากราคาปิดวันก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขายมากเป็นอันดับ 6 ที่ 410.52 ล้านบาท และปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นกว่า 146% เทียบค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า
GGC เป็นบริษัทแกนด้านธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม ในกลุ่ม บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) โดยเป็นผู้บุกเบิกด้านการผลิตผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมีในไทย


  ผลิตภัณฑ์หลัก ของ GGC ได้แก่ (1) เมทิลเอสเทอร์(ME) หรือ B100 เป็นเชื้อเพลิงสะอาดที่ใช้แล้วไม่หมดไปเพราะผลิตได้จากน้ำมันพืชชนิดต่างๆ (2) แฟตตี้แอลกอฮอล์(FA) เป็นส่วนประกอบขั้นพื้นฐานในการผลิตผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ซึ่งGGC เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวในไทย และ (3) กลีเซอรีน ใช้เป็นส่วนประกอบของสารให้ความชุ่มชื้น หล่อลื่น


  GGC เพิ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา ด้วยราคา IPO ที่ 11.20 บาท จากนั้นราคาปรับขึ้นต่อเนื่องทำ High ใหม่ที่ 15.20 บาทในเช้าวันนี้ และนิ่งอยู่ในระดับดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า แม้การเติบโตของ GGC จะมีแนวโน้มที่ดี แต่กว่าจะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจน คือในปี 62 เป็นต้นไป หลังจากการระดมทุนนำเงินลงทุนในโครงการเมทิลเอสเทอร์แห่งที่ 2 และโครงการ Biocomplex


  ผู้บริหาร GGC เคยระบุในช่วงเข้าเทรดว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน และตอบสนองแผนการเติบโตให้กับบริษัทฯ โดยมีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการเมทิลเอสเทอร์แห่งที่ 2 และโครงการ Biocomplex รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียน


  โดยจะใช้งบลงทุน 1,650 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานเมทิลเอสเทอร์แห่งที่ 2 บนพื้นที่ 30 ไร่ ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมไทยอีสเทิร์น ขนาดกำลังการผลิต 200,000 ตันต่อปี โดยมีแผนจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงไตรมาส 4/61 และจะทำให้ GGC สามารถผลิตเมทิลเอสเทอร์เพิ่มเป็น 500,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 300,000 ตันต่อปี


  ด้านผลประกอบการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (58-59) GGC มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมีรายได้ 1.45 หมื่นล้านบาท และ 1.72 หมื่นล้านบาทตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 808 ล้านบาท และ 907 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้มีรายได้ 4.24 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท


  ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/60 ผู้บริหารคาดจะดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสแรก เนื่องจากรัฐปรับอัตราผสมไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7 ทำให้ปริมาณการขาย เมเทิลเอสเตอร์ เพิ่มขึ้น ขณะที่โบรกฯ มองอนาคตจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากนโยบายพลังงานของไทย ประเมินราคาเป้าหมายในช่วง 15.20-17.00 บาท


  บล.บัวหลวง กล่าวว่า ขณะนี้ภาครัฐได้แสดงออกถึงการสนับสนุนอุตสหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างชัดเจน ทั้งด้านเงินทุนและด้านกฏเกณฑ์ ผลิตภัณฑ์หลักของ GGC คือ เมทิล เอสเตอร์ (B 100) ซึ่งเป็นส่วนผสมของน้ำมันไบโอดีเซล โดยกระทรวงพลังงานเป็นผู้กำหนดสัดส่วนการผสม B100 ในน้ำมันดีเซลที่จำหน่ายภายในประเทศและกำหนดราคาขายอ้างอิงจากต้นทุน ดังนั้น อัตรากำไรจากยอดขาย B100 ของ GGC จึงเป็นบวกเสมอ นอกจากนั้นในช่วงที่มีปริมาณวัตถุดิบล้นตลาด บริษัทอาจสามารถสร้างกำไรเพิ่มขึ้นจากการต่อรองราคาวัตถุดิบได้


  นอกจากนี้ ไทยแลนด์ 4.0 ยังสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยรัฐบาลได้ริเริ่มยุทธศาสตร์การลงทุน ไทยแลนด์ 4.0 โดยมีเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลัก และ GGC กำลังศึกษาแผนการลงทุนในโครงการร่วมทุน Biocomplex ซึ่งจะใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบหลัก โครงการดังกล่าวจะเป็นอัพไซด์ต่อการเติบโตของกำไรในระยะยาว แนะนำซื้อ เป้าหมายพื้นฐาน 17 บาท


  บล.ทิสโก้ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.20 บาท อิง PB/V 1.4 เท่า สำหรับปี 60 โดยคาดกำไรจากการดำเนินงานโต 15.8%, 8.6% และ 20.8% สำหรับปี 60-62 ตามลำดับ และจะเติบโตสูงในปี 63 จากโรงงาน biocomplex ที่เริ่ม COD ใน Q4/63


  บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า ธุรกิจ เมทิลเอสเทอร์ มีการเติบโตไปตามการใช้น้ำมันไบโอดีเซลของประเทศ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาล โอกาสเติบโตในระยะยาวจากการเข้าสู่เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ประเมินกรอบการซื้อขาย 11.50-13.50 บาท อ้างอิงกรอบ PE ช่วง 12-14 เท่า บนสมมติฐานรายได้เพิ่มขึ้น 4.1% และอัตรากำไรสุทธิ 5.5% (อัตรากำไรขั้นต้น 8.5%) แต่หากอิง P/E ที่ 16 เท่า มูลค่าที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 15.39 บาท

 

  GGC จึงนับเป็นหุ้นพื้นฐานดีที่น่าสนใจ แต่ราคาหุ้นที่ไปต่อไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเติบโตของบริษัทฯ จะเริ่มเห็นตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไป ในขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานดูเหมือนว่าจะรับข่าวการเติบโตล่วงหน้าไปแล้ว ทำให้เหลืออัพไซด์ไม่มาก จากราคาเหมาะสมที่ 15.20-17.00 บาท การเข้าลงทุนจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะแม้ GGC จะเป็นหุ้นดีมีโอกาสเติบโต แต่หากซื้อไม่ถูกเวลา ราคาไม่เหมาะสม ก็มีโอกาสติดดอยได้เช่นกัน

 

 สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -


Fin-trading