THAI บวกแรง! หลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติโอนทุนสำรองและส่วนล้ำมูลค่าหุ้นล้างขาดทุนสะสม 2.8 หมื่นลบ. เปิดทางจ่ายเงินปันผล ฟากโบรกฯ ดับฝันชี้ปีนี้ผลการดำเนินงานยังมีโอกาสขาดทุน ก่อนที่ปี 63 มีลุ้นพลิกกำไรแตะ 2 พันลบ.
ราคาหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดเช้าวันนี้ที่ 13 บาท ก่อนปิดตลาดรอบเช้าไปที่ 12.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.59% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้น 188.02% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า
THAI เป็นหุ้นสายการบินแห่งชาติ ทำธุรกิจการบินพาณิชย์ทั้งเส้นทางบินระหว่างประเทศและภายในประเทศโดยแยกการบริหารออกเป็นธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจสายการบิน และกลุ่มกิจการสนับสนุนการบินและการขนส่ง ณ สิ้นปี 61 มีสัดส่วนรายได้มาจาก ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน 79.9% ค่าระว่งขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ 11.1% รายได้จากหน่วยธุรกิจและกิจการสนับสนุน 6.7% และรายได้อื่นๆ 2.3%
นอกจากนี้ปัจจุบัน THAI ยังมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทอื่น ได้แก่ บมจ.สายการบินนกแอร์ หรือ NOK ในสัดส่วน 21.80% บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ BAFS 22.59% และ บมจ.โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) หรือ ROH ในสัดส่วน 24%
ผลการดำเนินงาน THAI ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 57 - 61) ส่วนใหญ่มีผลขาดทุน โดยปี 57 - 58 ขาดทุนสุทธิ 15,611 ล้านบาท 13,067 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนปี 59 พลิกมีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท ก่อนที่ในปี 60 - 61 จะพลิกกลับมาขาดทุนสุทธิ 2,107 ล้านบาท 11,625 ล้านบาท ตามลำดับ โดยบริษัทให้เหตุผลว่ามาจากต้นทุนดำเนินงานที่สูงตามราคาน้ำมันดิบ รวมถึงขาดทุนจากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์และเครื่องบิน
จากผลประกอบการขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง ทำให้ ณ สิ้นปี 61 บริษัทมีขาดทุนสะสมในงบการเงินรวมอยู่ที่ 35,907 ล้านบาท และหากแยกเป็นงบการเงินเฉพาะกิจการจะมีขาดทุนสะสมอยู่ที่ 28,533 ล้านบาท
วันนี้ราคาหุ้น THAI ฟื้นแรงตั้งแต่เปิดตลาด หลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติโอนทุนสำรองและสำรองส่วนล้ำมูลค่าหุ้น รวม 28,236 ลบ. เพื่อล้างขาดทุนสะสม เปิดทางสำหรับการจ่ายเงินปันผล แต่นักวิเคราะห์มองว่าจะได้เห็นในผลการดำเนินงานงวดปี 63 ส่วนปีนี้ขาดงบยังขาดทุน
วันที่ 26 เม.ย. 62 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น THAI ลงมติอนุมัติโอนทุนสำรองตามกฎหมายจำนวน 2,691 ล้านบาท และสำรองส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 25,545 ล้านบาท เพื่อนำมาชดเชยผลขาดทุนสะสมของบริษัทที่มีอยู่ 28,533 ล้านบาท ณ สิ้นปี 61
บล.เคจีไอ ระบุว่าหลังจากใช้สำรองตามกฎหมาย และส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสม จะทำให้ขาดทุนสะสมของ THAI ลดลงเหลือแค่ 296.49 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นหากบริษัทพลิกมามีกำไร จะสามารถกลับมาจ่ายปันผลได้
ทั้งนี้เราปรับลดประมาณการปี 62 เป็นขาดทุนสุทธิ 1 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.55 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนถึง 1.ต้นทุนที่แพงขึ้นจากประมาณการเดิม ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากต้นทุนน้ำมันและค่าใช้จ่ายลูกเรือ 2.ค่าเสื่อมราคาสูงกว่าที่คาดไว้ และ 3.รายได้อื่นจะลดลงจากปี 61 ที่มีรายการพิเศษบางรายการ อย่างเช่น กำไรจากการขายทรัพย์สิน กำไรจากการขายการลงทุน และ ค่าสินไหมจากบริษัทประกัน
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าประมาณการของเรายังมีอัพไซด์ เนื่องจากยังมีโอกาสที่ค่าเสื่อมราคาอาจจะต่ำเกินคาด เพราะมีเครื่องบินบางส่วนที่จะมีอายุเกิน 20 ปีในปีนี้ และเราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นน่าจะทำให้ THAI พลิกมามีกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาทในปี 63 ส่วนปัจจัยหนุนการเติบโตระยะยาวมาจาก โครงการ Cargo Village ที่อู่ตะเภา, ศูนย์วิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ Trent XWB และ Catering Plant แห่งใหม่ที่เชียงใหม่
แนะนำ ซื้อ แต่ปรับลดราคาเป้าหมายปี 62 เหลือ 14.30 บาท (อิงจาก P/BV ปี FY62F ที่ 1.7 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ย +1.5 S.D.) จากเดิม 15.70 บาท
ลุ้นผลงานปีนี้อาจดีกว่านักวิเคราะห์คาด จากการตั้งสำรองค่าเสื่อมราคาลดลง หลังบริษัทแจ้งเซ็นสัญญาขายเครื่องบินไปแล้ว 8 ลำ มูลค่า 4 พันลบ. เตรียมบันทึกเป็นรายได้ในไตรมาส 2/62
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI เผยบริษัทมีแผนทำสัญญาขายเครื่องบิน 8 ลำ มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท พร้อมรับจ้างซ่อมบำรุงให้แก่ลูกค้า และคาดว่าจะบันทึกบัญชีเป็นรายได้ จากการขายเครื่องบินและรับจ้างซ่อมบำรุงดังกล่าวได้ภายในไตรมาส 2/62
ส่วนการจัดหาเครื่องบินใหม่จำนวน 38 ลำ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท เบื้องต้นวางแนวทางดำเนินการ 3 รูปแบบ คือซื้อ เช่าซื้อ และซื้อมาขายไปและเช่ากลับอีกครั้ง ขณะนี้แผนจัดซื้อได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้ว รอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเดือน เม.ย.นี้ จากนั้นบริษัทจะใช้เวลาอีก 6 เดือนในการพิจารณาสั่งซื้อและรับมอบเครื่องรอบแรก 25 ลำ ภายใน 2 ปี
การล้างขาดทุนสะสมของ THAI ให้ความหวังต่อผู้ถือหุ้นว่าบริษัทจะกลับมาจ่ายปันผลได้อีกครั้ง แต่ยังต้องลุ้นว่าจะทำได้เมื่อไหร่ เพราะนักวิเคราะห์คาดการณ์ผลการดำเนินงานปีนี้ยังอาจขาดทุนอยู่