เช็คพื้นฐานกลุ่มแบงก์-รับเหมาฯ หลัง SET วูบหนัก
Rewind ภาพกราฟ SET INDEX ย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ก่อนเข้าสู่เดือนกันยายน ยังพบตลาดเร่งตัวในทิศทางขาขึ้น นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ที่อิงกับปัจจัยบวกภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
แต่เหมือนหนังคนละม้วน อยู่ดีๆ ก็เกิดแรงขายที่กระหน่ำออกมาหนาแน่นในกลุ่มรายใหญ่พอร์ตสถาบันและบัญชีโบรกเกอร์ ทำให้เกิดคำถามและสร้างความไม่มั่นใจว่าหุ้นทั้ง 2 กลุ่มนี้ ภาพพื้นฐานเปลี่ยนแล้วหรือ? และจะยังสามารถคาดหวังถึงการฟื้นตัวในระยะถัดไปได้แค่ไหน?
Money Channel สอบถามไปยังคุณธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ซึ่งบอกว่า ในภาวะตลาดหุ้นไทยปรับฐานในรอบนี้ ถ้าพิจารณาในแง่ Valuation หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์อยู่ในระดับที่ไม่แพง โดยอิงจากการฟื้นตัวในปี 2560 ที่ราคาหุ้นควรจะซื้อขายมากกว่า Book Value หรือสูงกว่า 1 เท่า
เพราะการฟื้นตัวของกำไรในกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเริ่มชัดเจนขึ้นตามลำดับ จากปัจจัยในเรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เริ่มผ่อนคลาย ส่งผลให้การตั้งสำรองฯ ของธนาคารพาณิชย์ในแต่ละแห่งลดลงตามไปด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงกำไรที่จะเติบโตในอนาคต
โบรกเกอร์รายนี้ประเมินกำไรสุทธิในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์โดยรวมในปี 2559 จะเติบโต 5% อยู่ที่ 2 แสนล้านบาท จากปี 2558 ที่หดตัว 7% อยู่ที่ 1.92 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะฟื้นชัดเจนในปี 2560 ที่คาดแตะ 2.2 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9%
ในด้านกลยุทธ์การลงทุน ค่ายอาร์เอชบีฯ ยังเลือกหุ้น Top pick ได้แก่ SCB ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีหนี้ NPL ต่ำสุด ขณะที่ระดับราคาถือว่าน่าสนใจในแง่ Upside เทียบกับราคาเหมาะสม 187 บาท
โบรกเกอร์รายนี้ยังเลือก TCAP ด้วย กับจุดเด่นเงินปันผลที่สูง พร้อมให้ราคาเหมาะสม 47 บาท
คุณธนเดช มองภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 สัปดาห์นี้ จะอยู่ในทิศทางผันผวนและมีโอกาสปรับฐานได้อีก ซึ่งประเมินว่าหากดัชนีฯ หลุด 1,400 จุด ก็มีสิทธิลงไปแถว 1,380 จุด ดังนั้น การทยอยซื้อหุ้นควรจะแบ่งเป็นรอบๆ และไม่ควรเข้าซื้อเต็มพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงตลาดผันผวนหนัก
แต่ถ้าปัจจัยในประเทศเริ่มผ่อนคลาย และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ไม่เห็นการขึ้นดอกเบี้ย ก็เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่ SET INDEX จะหันกลับมาฟื้นเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง
"ในกลุ่มแบงก์ ผมมอง Valuation ไม่แพงแล้ว เพราะราคาน่าจะสะท้อนกับปัจจัยในประเทศแล้ว โดยถ้าประเมินเศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัว และรัฐบาลเร่งลงทุนหนุนสินเชื่อกลับมาฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น แต่สิ่งที่ขาดอยู่คือปัจจัยภายนอกประเทศที่เป็นตัวกำหนด Fund flow หนุนราคาหุ้น ซึ่งถ้าหากผลประชุมเฟด 21 ก.ย.นี้ ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ก็น่าจะหนุน Sentiment ทำให้หุ้นกลุ่มแบงก์กลับมารีบาวด์ได้ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ควรจะต้องดีดกลับอีกครั้ง โดยมองว่าลงทุนควรแบ่งซื้อเป็นไม้ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงตลาดฯ ยังมีความไม่แน่นอนสูง"
มาต่อด้วยหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่เคยสร้างความหวือหวาหนุนตลาดหุ้นไทยตลอดช่วงที่ผ่านมา ตามปัจจัยหนุนเชิง Sentiment จากการเดินหน้าเร่งลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐล่าสุด พบราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างบางตัวถูกแรงขายร่วงลงมาเกินกว่า 20%
Money Channel ต่อสายถามคุณดนัย ตุลยาพิศิษฐ์ชัย นักวิเคราะห์กลุ่มรับเหมาก่อสร้างค่าย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซึ่งบอกว่าการปรับร่วงลงของราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างรอบนี้เป็นไปตามภาวะตลาด และขณะเดียวกัน ก็ยังไม่เห็นข่าวบวกจากงานประมูลใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนในระยะสั้น
แต่ราคาหุ้นที่ร่วงลงมา เขามองว่าเป็นโอกาสลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะปานกลาง (3-6 เดือน) เพราะในช่วงปลายปีนี้จะมีโครงการขนาดใหญ่เปิดประมูลกันอีกครั้ง โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 8 หมื่นล้านจนถึง 1 แสนล้านบาท และโครงการรถไฟรางคู่ ซึ่งหากมีความชัดเจนจากภาครัฐ ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญกระตุ้นราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง ขณะที่ในปี 2560 จะมี Upside มากขึ้นจากงานประมูลใหม่ๆ จากการที่ภาครัฐยังเน้นการลงทุนเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ค่ายฟิลลิปชูหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่น่าสนใจ เลือกหุ้น CK ให้ราคาพื้นฐาน 31 บาท กับจุดแข็งในเรื่องความเสี่ยงทางธุรกิจที่ต่ำ เพราะมีบริษัทฯ ในเครือที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสาธารณูปโภค ได้แก่ BEM, TTW, และ CKP พร้อมกับยังเลือก STEC ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่และมีความแข็งแกร่งด้านการเงินสูง โดยให้ราคาพื้นฐาน 25 บาท
*************************************************
ชัยรัตน์ พุ่มมาลา, ทีม Business&Finance, Money Channel