Gen X ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

เชื่อหรือไม่ว่า ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในองค์กรแนวหน้าของอเมริกาทุกวันนี้ มีคนรุ่น Baby Boomers ครองสัดส่วนมากถึง 41.5% เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีสัดส่วน 35.1% อันดับต่อมาไม่ใช่ Gen X แต่เป็นผู้บริหาร Gen Y ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ไปจนถึง 40 ปี ครองสัดส่วน 15.1% ขณะที่ตัวเลขสถิติผู้บริหาร Gen Y ปี 2560 อยู่ที่ 13.8%
.
ตัวเลขนี้กำลังบอกอะไรเรา ? รายงานวิจัยฉบับเดียวกันนี้ บอกว่า Gen X ที่ได้ครองตำแหน่งผู้บริหารปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 43.4% ลดลงจากปี 2560 ที่มีสัดส่วน 51.1% สะท้อนว่า คนวัย 50 กว่าๆ มีโอกาสขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อถึงคราว Baby Boomers ใกล้เกษียณ สปอทไลท์ในการเฟ้นหาผู้นำคนใหม่ก็ไม่ได้ถูกฉายไปยัง Gen X องค์กรกลับต้องการคนรุ่นมิลเลนเนียลมากกว่า Gen X จึงถูกมองข้ามท่ามกลางสังเวียนการค้นหาผู้นำรุ่นต่อไป
.
Gen Alpha
ช่วงปีเกิด 2553 – 2568 อายุ 0 – 14 ปี
.
Gen Z
ช่วงปีเกิด 2540 – 2555 อายุ 13 – 28 ปี
.
Gen Y (Millennials)
ช่วงปีเกิด 2523 – 2539 อายุ 29 – 44 ปี
.
Gen X
ช่วงปีเกิด 2508 – 2522 อายุ 46 – 60 ปี
.
Baby Boomers
ช่วงปีเกิด 2489 – 2507 อายุ 61 – 79 ปี
.
[ อยากได้ประสบการณ์จาก Boomers อยากได้ความสดใหม่ ไปหา Gen Y ]
.
ไม่กี่ปีมานี้หลายบริษัทให้ความสำคัญกับคุณค่าของประสบการณ์ที่คนรุ่น Baby Boomers มีพร้อม ขณะเดียวกันอีกฟากฝั่งก็อยากได้องค์ความรู้ใหม่ๆ ที่สามารถรับมือกับการมาถึงของ AI ได้ หลายบริษัทจึงเลือกมองหาคนสองเจนนี้มาทำงานสอดประสานร่วมกัน โดยเลือกที่จะมองข้ามคนตรงกลางอย่าง Gen X ไปดื้อๆ
.
ผู้บริหารระดับสูงในองค์กรแห่งหนึ่งในอเมริกาให้ความเห็นกับ The Wall Street Journal ว่า จุดแข็งของ Gen X คือพวกเขาเป็นคนมีประสบการณ์ที่ยังกระตือรือร้นเสมอ ตำแหน่งระดับบริหารต้องการคนอายุราวๆ 50 ปี ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่ Gen X มีทุกประการ แต่ท้ายที่สุดคนเจนนี้มักตกม้าตายด่านสุดท้ายที่ต้องต่อสู้กับคณะกรรมการคัดสรรบอร์ดบริหาร ด้วยโจทย์เรื่องความต้องการดาวรุ่งที่มาพร้อมกับไอเดียเจ๋งๆ สุดท้าย Gen X จึงติดอยู่ตรงกลางเป็นอันดับที่ 2
.
มีกรณีศึกษาของคน Gen X ที่ทำงานในบริษัทเดิมมา 34 ปีเต็ม วาดฝันว่า ปลายทางเขาจะได้รับการโปรโมตให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง สุดท้ายเขาได้ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการฝ่ายขายเชิงกลยุทธ์ ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งแห่งที่ที่คาดหวังไว้ เขาวิเคราะห์ว่า คน Gen X มักถูกว่า เป็นนักวางแผนกลยุทธ์มากกว่านักคิด
.
[ Gen X ไม่ได้เกิดมาพร้อม AI แต่ Gen X ก็อยู่รอดมาแล้วทุกยุค ]
.
อคติเรื่องอายุและการปรับตัวเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Gen X ถูกมองข้าม ‘Adrion Porter’ ที่ปรึกษาและผู้สนับสนุนเรื่องการยอมรับความแตกต่างเรื่องอายุในสหรัฐอเมริกา โต้แย้งว่า คน Gen X มีความสามารถในการปรับตัวได้มากกว่าที่คนทั่วไปเข้าใจ หลายครั้งนายจ้างมักเข้าใจผิดว่า ความเยาว์วัยหรือความมีชีวิตชีวา เท่ากับการมีทักษะด้านดิจิทัล
.
จริงอยู่ที่คน Gen Z หรือมิลเลนเนียลเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี แต่คน Gen X เองก็ต้องเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดเส้นทางสายอาชีพเช่นกัน Gen X เข้าสู่โลกการทำงานในวันที่เพิ่งมีอีเมล เริ่มเรียนรู้โลกอินเทอร์เน็ต ต่อมาคือยุค Web 2.0 และตอนนี้ Gen X ก็กำลังเรียนเรื่อง AI อย่างไรคนเจนนี้ก็หยุดเรียนรู้ไม่ได้ เพราะถ้าหยุดก็เท่ากับเขาเหล่านี้ได้ตายจากโลกการทำงานไปแล้ว
.
‘Megan Gerhardt’ ผู้ก่อตั้งบริษัท Gentelligence มองว่า หาก AI คือสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในที่ทำงาน Gen X ก็คือเจเนอเรชันที่รอดพ้นมาแล้วทุกยุค การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ คือการเข้ามาของอินเทอร์เน็ต ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว Gen X ก็ปรับตัว-ใช้ชีวิตกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ AI ก็เป็นอีกระลอกที่คนเจนนี้ต้องปรับตัวตามเช่นกัน
.
จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าให้ Gen X ได้มีโอกาสแสดงฝีมือบนเวทีที่ปราศจากอคติทางอายุ และการปรามาสความสามารถ จากมุมมองที่เราคาดการณ์ไปก่อนว่า คนกลุ่มนี้คงทำไม่ได้
ที่มา… TODAY Bizview