ห้องเม่าปีกเหล็ก

ตลาดหุ้นไทยผันผวน คาด FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

โดย Financial Investor
เผยแพร่ :
132 views

คืนนี้ ในการประชุม 13-14 ธ.ค.นี้  คาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% บวกกับมาตรการนโยบายกระตุ้นของทรัมป์ อาจผลักดันเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อให้เร่งตัวขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%

จากระดับ 0.25-0.50% สู่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมรอบสุดท้ายของปี 2559 หลังจากที่เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันมาแล้วถึง 7 รอบการประชุมก่อนหน้านี้

 

 

ปัจจัยเสี่ยงในรอบปีที่ผ่านมา 



ทั้งนี้ แม้ตลาดการเงินทั่วโลกได้มีการปรับตัวสอดรับกับโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ไปแล้ว

แต่คงต้องยอมรับว่า การประชุมเฟดรอบนี้ ยังมีอีกจุดที่น่าสนใจและต้องติดตาม คือ

- ประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชุดใหม่

และความเห็นต่อระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมในระยะข้างหน้าจากเจ้าหน้าที่เฟด

ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปจากประมาณการครั้งก่อนหน้าในเดือนก.ย.59

                                                           จากการ Dot Plot เมื่อเดือน ก.ย. คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ อีก 2 ครั้ง ในปี 2017 และ อีก 2 ครั้ง ในปี 2018

ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 - 2 ครั้งในปี 2560 ซึ่งคงต้องยอมรับว่า

แรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่มีโอกาสปรับสูงขึ้นอีกในปี 2560 หลังจากตลาดน้ำมันโลกผ่านพ้นจุดต่ำมาแล้ว (ทะลุ 50 เหรียญมาแล้ว) 

 

และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็น่าจะได้รับแรงกระตุ้นเพิ่มเติมอีกหาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ เข้ามาเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตามที่หาเสียงไว้ก่อนหน้านี้

 

โดยเฉพาะการปรับเพิ่มการใช้จ่ายและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ตลอดจนมาตรการลดภาษี ทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล 

 



ทั้งนี้ จุดที่น่าสนใจก็คือ ท่ามกลางภาวะที่การฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ อยู่ใกล้ระดับเต็มศักยภาพ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เพิ่มเติมเข้ามาอีก

 

อาจจะมีผลทำให้เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในปี 2560 มีโอกาสเร่งตัวขึ้นมากกว่าที่คาด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ

 

ต้องเร่งจังหวะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามด้วยเช่นกัน 



อย่างไรก็ดี จังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอาจยังมีความไม่แน่นอน เพราะในอีกด้านหนึ่งนั้น หากความเสี่ยงเศรษฐกิจต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น

 

เฟดก็อาจจะเผชิญกับภาวะที่ไม่สามารถส่งสัญญาณการคุมเข้มดอกเบี้ยได้อย่างชัดเจนมากนัก (เหมือนกับสถานการณ์ตลอดช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา)

 

สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์ ?

 

ตลาดหุ้น SET ได้รับความผันผวนเช่นกัน เปิดตลาดขึ้นมาเล็กน้อย ค่อยที่จะติดลบลงไปกว่า 6 จุด อยู่ที่ระดับ 1519.35 จุด (ณ 15.46น. ของ14/12/59)

 

- ด้านนักวิเคราะห์ค่าย "บัวหลวง" บอกว่า ถ้าเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะถือว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว

ซึ่งจะส่งผลบวกในหุ้นประเภท "Hard และ Soft Commodity"  ที่ราคาปรับตัวขึ้น และที่มีปัจจัยกระทบให้ซัพพลายในตลาดลดลง  

 

 - วรุตม์ ศิวะศริยานนท์  กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย "บล.เอเชีย เวลท์" บอกว่า แม้ผลการประชุมเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ย้ำทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลกจะเข้าสู่ขาขึ้น
 
แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะยังคงต้องใช้ระยะเวลาอีกสัก 2-3 ไตรมาส กว่าที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในประเทศ
 
เหตุผลเพราะเชื่อว่า ไทยจะมีผลกระทบด้านเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นล่าช้ากว่าประเทศอื่น ซึ่งในกรณีถ้าดอกเบี้ยในประเทศปรับขึ้นก็จะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มประกันชีวิต
 
แต่ก่อนหน้านั้น ถ้าดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้น เชื่อว่าจะทำให้หุ้นกลุ่มส่งออกอาจจะได้รับประโยชน์เช่นกัน จากการที่ดอลลาร์แข็งค่า (บาทอ่อนค่า)
 
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความเสี่ยงจากนโยบาย "โดนัลด์ ทรัมป์" ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ที่อาจจะใช้มาตรการกีดกันทางการค้า จนส่งผลกระทบในอนาคต

 

นักลงทุนควรเฝ้าระวังเม็ดเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) กันต่อไปว่าจะเกิดความเปลี่ยนมากน้อยต่อผลกระทบตลาดทุนทั่วโลกอย่างไร 

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, money channel


Financial Investor