ห้องเม่าปีกเหล็ก

ถือหุ้น THAI ต้องอ่าน

โดย puck
เผยแพร่ :
63 views

ก้าวต่อไปของการบินไทย

สรุป Version แบบภาษาชาวบ้าน

1) ครม. มีมติให้การบินไทยเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ
- ให้กระทรวงการคลังขายหุ้นออก 3% ที่ราคา 4 บาท เพื่อลดสัดส่วนให้ต่ำกว่า 50% เพื่อแปรเปลี่ยนจากรัฐวิสาหกิจไปเป็นเอกชน

- เจ้าหนี้หุ้นกู้ที่เป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ 4.2 หมื่นล้านบาท จะเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ให้ถือว่ายังไม่ผิดนัด โดยให้ขยายเวลาชำระคืนเงินต้น แต่ให้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มระหว่างนี้

- เลิกแนวคิดจะทำให้เป็น Holding Company

- ยื่นฟื้นฟูในต่างประเทศ Chapter11 ควบคู่ไปเพื่อเจรจาเจ้าหนี้ต่างประเทศทั้งหมด รวมถึงเจ้าหนี้การค้าที่ให้เช่าเครื่องบิน ว่าอย่าพึ่งยึดเครื่องบินกลับไป

- คาดว่าปี 63 นี้ส่วนผู้ถือหุ้นจะติดลบ -47,000 ลบ. หรือมีผลขาดทุนมโหฬาร ประมาณ -59,000 ลบ. เพราะสิ้นปี 62 ส่วนผู้ถือหุ้นยังมีอยู่ที่ 11,000 ลบ. ซึ่งส่วนผู้ถือหุ้นเป็นลบ และมีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยกว่า 220,000 ลบ. เพียงพอให้ยื่นฟื้นฟูกิจการ

- แผนฟื้นฟู(ยังไม่แน่นอน) มีข่าวว่าหลังทำแผนจบจะเพิ่มทุน 80,000 ลบ. เพื่อให้ส่วนผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวก และหาเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจต่อ

2) ก้าวต่อไปในการยื่นฟื้นฟูกิจการ
- ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลาย + แนบแผนฟื้นฟู

- ศาลส่งหมายไปถึงเจ้าหนี้ทุกรายเพื่อเรียกประชุมเจ้าหนี้ ตอนนี้มีเจ้าหนี้กี่ราย? คำตอบคือ ให้รอดูตอนยื่นศาลล้มละลายจะพบการแบ่งกลุ่มเจ้าหนี้ออกมาชัดๆ

- โหวตแต่งตั้ง ผู้ทำแผนฟื้นฟู และปรับปรุงแผนฟื้นฟู โดยเจ้าหนี้ที่มีมูลหนี้มากสุด จะครองเสียงส่วนใหญ่ ไล่ลงไปตามมูลหนี้

- หากโหวตผ่าน หมายถึง เจ้าหนี้เสียงส่วนใหญ่ยอมตามแผนหมด ศาลก็รับรอง ให้เริ่มปรับโครงสร้าง และชำระหนี้ต่อ โดยกิจการยังไปได้ต่อแบบที่ SSI หรืออีกหลายบริษัทเป็น

- หากโหวตไม่ผ่าน หมายถึง เจ้าหนี้ไม่เห็นด้วยกับแผน ก็แก้แผนกันจนกว่าจะยอมรับ แต่หากสุดท้ายคุยไม่จบ ก็ปล่อยล้มละลาย ยึดทรัพย์ มาขายทอดตลาด ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้จำนอง(มีหลักประกันก่อน) ส่วนต่างหลังชำระเจ้าหนี้จำนอง ต้องเอามาเข้ากองล้มละลาย เพื่อเฉลี่ยชำระหนี้ตามสัดส่วนเจ้าหนี้ทุกราย

3) แล้วแผนฟื้นฟูเป็นอย่างไร?
- ตอนนี้ยังไม่แน่นอน เพราะหลายปัจจัย อาทิ เจ้าหนี้ต่างประเทศมีสัดส่วนสูงพอสมควร และเจ้าหนี้น่าจะมีหลายรายมาก ต้องประชุมเจรจากันอีกหลายรอบ

- แผนฟื้นฟูส่วนใหญ่จะต้องระบุ KPI ชัดเจน ทั้งการปรับโครงสร้างบริษัท การลดค่าใช้จ่าย เรื่องประมาณการรายได้ในอนาคต กระแสเงินสดที่จะมาชำระ สมเหตุ สมผลไหม เพื่อให้เจ้าหนี้ศึกษาและโหวตให้ผ่าน

- ปกติแล้ว บริษัท ที่ขอฟื้นฟู จะเสนอเจ้าหนี้ อาทิ จะขอลดหนี้เงินต้น เช่น จากเงินต้น 100 บาท ขอทยอยจ่ายคืนแค่ 30 บาท ส่วนที่เหลือ 70 บาท ให้เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุน (ได้หุ้นการบินไทยแทน) หรืออาจขอไม่จ่ายดอกเบี้ยค้างทั้งจำนวน หรือจ่ายแค่ส่วนน้อยๆ

- หากเจ้าหนี้มีหลักประกัน จะได้ชำระมากหน่อย ส่วนเจ้าหนี้ไม่มีหลักประกันจะได้ชำระส่วนน้อยลงมา

- ระยะเวลาของแผน อาจกินเวลาชำระหนี้คืนยาวนาน 5-10 ปี ดังนั้นระหว่างนี้ THAI อาจถูกขึ้น SP จนกว่าจะชำระหนี้ได้ตามแผนจบ เพราะหากวันไหน THAI ผิดนัดชำระ เท่ากับว่าฟื้นฟูไม่สำเร็จต้องส่งฟ้อฝล้มละลายต่อ หรืออาจต้องส่งฟื้นฟู V2

- ยกเว้นว่า การบินไทยขอ Hair Cut ทันที + เพิ่มทุนจากคนนอกมาจ่ายหนี้ ณ ตอนนี้ครั้งเดียวจบไปเลย แต่ถามว่าใครจะมาใส่เงินให้มากขนาดนั้น โดยทียังไม่เห็นกระบวนการปรับองค์กรที่ชัดเจน
=========================================
สรุปแล้วภาพตอนจบเรื่อง หากแผนสำเร็จ
- สินทรัพย์ บางส่วนอาจหายไปจากการปรับโครงสร้างองค์กร แต่บริษัทจะได้เงินสดจากการเพิ่มทุนหลังฟื้นฟู

- หนี้สินลดลง หากแผนสำเร็จ คือ THAI จ่ายหนี้ครบตามแผน 5-10 ปี จึงจะล้างหนี้ส่วนที่จะแฮร์คัท ออกจากบัญชีไปได้ (หากผิดนัดชำระไปก่อน เจ้าหนี้จะใช้หนี้เต็มในการฟ้องล้มละลายต่อ)

- ส่วนผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวก จากการเพิ่มทุนใหม่ การแปลงหนี้เป็นทุน โดยโครงสร้างการถือหุ้นจะเปลี่ยนไป

ซึ่งมูลค่าการเพิ่มทุน 80,000 ลบ.
หากตีเป็นระดับราคาต่างๆ จะมีผล Dilute ดังนี้
- ราคาเพิ่มทุน 40 บาท จะ Dilute -50%
- ราคาเพิ่มทุน 20 บาท จะ Dilute -66%
- ราคาเพิ่มทุน 10 บาท จะ Dilute -80%
- ราคาเพิ่มทุน 8 บาท จะ Dilute -85%
- ราคาเพิ่มทุน 4 บาท จะ Dilute -90%

ดังนั้นถามว่าทำไมราคาหุ้นยังพุ่งแรงทั้งที่กำลังจะโดน SP โดน Dilute และปีนี้ขาดทุนแน่ๆ -59,000 ลบ.

ในโลกทุนนิยม ผลประโยชน์ส่วนตัวคือเป้าหมายสูงสุดของระบบนี้ หมายความว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำยังไงก็ได้ให้เสียประโยชน์น้อยที่สุด

เพราะสุดท้ายในตอนจบเรื่อง หากไปดูสัดส่วนที่จะถูก Dilute เจ้าของเดิมแทบไม่เหลือสิทธิในบริษัทแล้ว

เช่น กระทรวงการคลังตอนนี้ถือ 51% ต่อไปจะเหลือสัดส่วนในบริษัทเพียง -10% (หากไม่ใส่เงินเพิ่มทุนในรอบหลังด้วย) มูลค่าหุ้นจากตอนนี้ มีอยู่ 5 บาท จะเหลือเพียง 1 บาทในอนาคต

จะดีกว่าไหม หากทำราคาไปสูงๆ เช่น 7-10 บาท เพื่อขายออกมาในตลาด ยังพอได้ทุนคืนกลับมามากกว่าหลายเท่า เทียบกับการนั่งรอเข้าแผนฟื้นเหลือมูลค่าหุ้นแค่ 1 บาท

ยิ่งลากราคาไปได้ไกลเท่าไหร่ แสดงว่ามีโอกาสที่เจ้าของเดิมจะได้ปล่อยหุ้นได้คุ้มค่ามากขึ้นเท่านั้น

รายย่อยหลายคนที่อาจจะยังมองไม่เห็นภาพตอนจบ เข้าไปเก็งกำไรกันสนุกสนาน (ซึ่งผมไปห้ามไม่ได้เพราะเงินคุณ)

ถามว่าจะลากไปจบเมื่อไหร่?

ตอบ ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลัง จะยื่นแผนฟื้นฟูเข้าศาลวันไหน? เพราะหากวันนั้นมาถึง หุ้นจะโดน SP ทันที(ห้ามซื้อขาย) และรายย่อยที่หลงเข้าไปจะขายออกไม่ได้ไปอีกนาน

ไม่เชื่อไปถามฟีลลิ่ง คนถือหุ้น SSI หรือหุ้นในตำนานอื่นๆได้ เงินกำไรที่คุณได้มาจากการทำราคาในวันนี้ เมื่อโดน SP แทบไม่ต่างอะไรกับอากาศ ที่มูลค่าจะหายไป -80-90% ในวันที่เข้าสู่แผนฟื้นฟู

เมื่อวานผมจึงมาเตือนว่าให้ระวัง!!

เพราะเกมส์นี้ ลุกช้า ไม่ได้แค่จ่ายรอบวง

แต่จะลุกจากเก้าอี้ตัวนี้ไม่ได้ไปอีกนานครับ :3

#SoloInvestor


puck