ห้องเม่าปีกเหล็ก

SCB กับความเสี่ยงที่ "บริหารจัดการ

โดย Durant
เผยแพร่ :
75 views

SCB กับความเสี่ยงที่ "บริหารจัดการได้" ในดีล JAS

 

 

 

 

วันนี้ขยับมาที่หุ้นแบงก์ในดีลการทำ tender offer หุ้น JAS หรือ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล โดย “พิชญ์ โพธารามิก” ซึ่งมีธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อในวงเงิน 4.25 หมื่นล้านบาท

 

เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามถึงความเสี่ยงที่จะมีผลต่อ SCB เพราะมูลค่าสินทรัพย์ของ JAS ตามการประเมินของโบรกเกอร์บางค่ายออกมาต่ำกว่าราคาเทนเดอร์ฯ จนมีการตั้งข้อสังเกตว่ารูปแบบการปล่อยสินเชื่อ SCB ในครั้งนี้ จะซ้ำรอยกรณีหุ้น SSI หรือ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ที่ต้องมาเก็บกวาดปรับโครงสร้างหนี้กันอีกหรือไม่? (ที่ผ่านมา JAS เคยถูกปิดโอกาสจากธนาคารกรุงเทพ ไปแล้วหนหนึ่ง)

 

Money Channel ถามคุณวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ ถึงกรณี SCB ประกาศเข้าสนับสนุนเงินทุนปล่อยสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 4.25 หมื่นล้านบาท ให้กับ “พิชญ์ โพธารามิก” ผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS เพื่อนำไปทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ JAS นั้น เขามองว่าจำนวนเงินที่ SCB ปล่อยสินเชื่อให้กับ JAS ถือว่าไม่สูงมาก เพราะเมื่อเทียบกับฐานพอร์ตสินเชื่อคงค้างปัจจุบันมีถึง 1.9 ล้านล้านบาท ขณะที่ในเรื่องความกังวลในด้านความเสี่ยงจะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของ SCB นั้น เบื้องต้นมองว่าถ้าดีลดังกล่าวเป็นการรวบรวมหุ้น JAS เพื่อขายกิจการ เชื่อว่าน่าจะมีผู้สนใจหลายราย จนทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาซื้อกิจการของ JAS อาจเพิ่มขึ้น เพราะโดยปกติแล้ว การซื้อกิจการขนาดใหญ่ระดับนี้ จะบวกค่าพรีเมี่ยมเข้าไปในมูลค่าสินทรัพย์ที่แท้จริงด้วย

 

ดังนั้น การที่ SCB เข้าไปสนับสนุนนั้น เป็นการทำธุรกรรมรูปแบบวาณิชธนกิจ และมีสินทรัพย์เข้ามาเป็นตัวค้ำประกัน แต่ก็เป็นแค่การตั้งข้อสังเกตุเท่านั้น เพราะรายละเอียดยังไม่เห็นการชี้แจงเพิ่มเติมแต่อย่างใด

 

และหาก SCB สามารถดำเนินการดีลดังกล่าวเกิดขึ้น ก็เชื่อว่าจะช่วยให้ SCB มีกำไรจากการออกแพ็คเกจด้านเครื่องมือทางการเงินให้กับ JAS อีกเป็นจำนวนมาก แต่ฝ่ายวิจัยฯ ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้เพิ่มประมาณการ SCB ได้ในอนาคตหรือไม่ เพราะต้องรอความชัดเจนให้เกิดขึ้นทั้งหมดก่อน

 

"ในประเด็นที่บางหลักทรัพย์ประเมินมูลค่าพื้นฐาน JAS ต่ำกว่าราคาเทนเดอร์ไปมากนั้น ผมคิดว่าอยู่ที่แต่ละมุมมอง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่าการปล่อยกู้นั้นเป็นรูปแบบ IB และเป็นดีลที่ต้องใช้กระแสเงินสด เพราะถ้าจากการตั้งข้อสังเกตคือ การเทนเดอร์เพื่อรวมหุ้นไปขายกิจการต่อนั้น น่าจะมีผู้เล่นหลายรายให้ความสนใจสูงมาก ทำให้มีโอกาสเกิดแข่งขันเรื่องราคา แต่เราก็ไม่สามารถไปขุดได้ว่ารายละเอียดภายในเป็นอย่างไร แต่สินทรัพย์ของ JAS ถือเป็นที่หมายปองเพราะเติบโตตามกระแสเทคโนโลยี รวมถึงนโยบายภาครัฐยังเดินหน้าสนับสนุนด้านดิจิตอลอย่างต่อเนื่องในอนาคต"

 

คุณวรุตม์ ประเมินปัจจัยพื้นฐาน SCB ว่ามีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ตามทิศทางเดียวกับภาพรวมอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ที่เริ่มผ่อนคลายปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ส่งผลให้การตั้งสำรองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และการเร่งเดินหน้าลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐ ยังช่วยกระตุ้นสินเชื่อในระยะถัดไป

 

ขณะเดียวกัน SCB มีพอร์ตสินเชื่อทั้งลูกค้ารายใหญ่ เอสเอ็มอี และรายย่อย ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ทำให้เป็นการกระจายความเสี่ยง NPL ได้ดีกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ด้วยกัน

 

ปัจจุบัน “เอเชีย เวลท์” ยังคงราคาเหมาะสม SCB ที่ 179 บาท และกำไรสุทธิปี 59 อยู่ที่ 5.09 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อนที่ทำได้ 4.71 หมื่นล้านบาท

 

ส่วนค่าย “บัวหลวง” ให้ราคาพื้นฐาน SCB ที่ 193 บาท แต่มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการได้ในอนาคต หากดีล JAS ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะจะมีรายได้ค่าธรรมเนียมสูง และแม้ว่าการปล่อยสินเชื่อจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่มองว่าธนาคารคงพิจารณาความเสี่ยงรอบคอบตามเกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออยู่แล้ว เช่น มีเงินประกันก้อนใหญ่ หรือการนำหุ้น JAS มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

 

อย่างไรก็ตาม แม้ SCB จะไม่มีดีลนี้  ทางนักวิเคราะห์ก็คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง จากการตั้งสำรองที่ลดลงกรณี SSI ในปีที่แล้ว

 

*********************************************

ชัยรัตน์ พุ่มมาลา, ทีม Business&Finance, Money Channel

 


Durant