สิ่งที่แปลกอย่างหนึ่งในตลาดหุ้น โดยปกติแล้ว เรื่องหุ้น การเงิน ธุรกิจ มักจะผูกอยู่กับแนวคิดของเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และอธิบายว่าคนเราจะตัดสินใจด้วยเหตุผลตามผลประโยชน์สูงสุดของตนเอง ถ้าเป็นการลงทุน คนเราต้องตัดสินใจที่รักษาเงินของเราให้มีกำไรมากที่สุด
แต่ถ้านำทฤษฎีจิตวิทยามวลชนมาใช้อธิบาย ปรากฏว่าไม่ใช่ ! คนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นอาจคิดว่าเดินอยู่ด้วยเหตุด้วยผล แต่ที่สิ่งแล้วไม่ใช่ บางคนก็บอกว่านักลงทุนในตลาด มักใช้อารมณ์ตัดสิน แต่ยังคิดว่ายังไม่ใช่ทั้งหมด
แท้จริงแล้ว ตลาดหุ้นมักถูกขับเคลื่อนด้วยพฤติกรรมหมู่ เมื่อเราเห็นคนอื่นวิ่ง เราก็จะวิ่งตาม เมื่อเห็นคนอื่นๆ ใส่เสื้อสีเดียวกันเยอะ ๆ เราจะใส่ตามไป เราอาจไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่า ทำไปทำไม เวลาที่เราทำตัวต่างกับคนอื่น ๆ เราอาจจะคิดว่าเราผิดเอง ทั้งที่ความจริงแล้วอาจไม่ผิดก็ได้
เวลาหุ้นขึ้น มีช่วงที่เกิดคนไล่ราคาตาม ๆ กันไป แม้ว่าความจริงแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่า หุ้นขึ้นครั้งนี้มันจะขึ้นจริงไหม แต่เห็นคนซื้อเยอะ ๆ เลยซื้อตาม คนเราจึงไม่ตัดสินใจด้วยเหตุผล แต่ตัดสินใจซื้อตาม ๆ กัน
พฤติกรรมมวลชนในตลาดหุ้นจึงแปลก เราจะไม่ทำตามผลประโยชน์สูงสุด เช่น เวลาที่หุ้นขึ้นไปติดดอย รายย่อยจะเป็นคนซื้อมากที่สุด เพราะซื้อตามคนส่วนใหญ่ เหมือนกับที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ พูดไว้ "ให้กลัวตอนที่คนอื่นกล้า และให้กล้าตอนที่คนอื่นกลัว"
เวลาที่หุ้นขึ้นมาก ๆ จะไม่ได้ตัดสินใจด้วยเหตุผล เพราะคนกำลังกล้ามาก ๆ และจะไม่ได้ตัดสินด้วยผลประโยชน์ที่ว่าเราควรซื้อหุ้นถูก ไม่ใช่หุ้นแพง เรื่องแบบนี้ใครก็รู้ แต่สุดท้ายก็ซื้อตามกัน เพราะเห็นคนส่วนใหญ่ซื้อ
ถ้าอธิบายด้วยหลักจิตวิทยามวลชน ที่คนซื้อตาม เพราะเห็นว่า มีคนที่คิดเหมือนกันถึงซื้อตาม เราจะอุ่นใจกว่า ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว อาจจะติดดอยกันหมดก็ได้ เวลาที่เราคิดอยู่คนเดียวจะไม่มั่นใจ
นี่คือปัญหาในตลาดหุ้น เราคิดว่ามีคนที่รู้ดีกว่าเราจึงไปเชื่อ เรามักชอบคิดว่าคนอื่นมีเครื่องมือขั้นเทพที่สามารถพยากรณ์ตลาดได้ ซึ่งในตามเป็นจริงแล้ว มันไม่มี ! แม้แต่เซียนยังปากกาหักได้เสมอ
ในทางการลงทุน เราต้องคิดอยู่เสมอว่า ตลาดหุ้นไม่ได้ตัดสินใจด้วยเหตุผลเสมอไป บางครั้งใช้อารมณ์บ้าง แต่ท้ายที่สุดคนเรามักจะทำไรตาม ๆ กัน อาจคิดว่า ทำไมคนส่วนใหญ่คิดไม่ถึง หุ้นลงดันไปขาย หุ้นแพงดันไปซื้อ ทำไมถึงไม่ทำอะไรตามผลประโยชน์สูงสุด แต่กลับไปทำสิ่งตรงกันข้าม
อีกเรื่อง คือ ลึก ๆ แล้วเราคิดว่า เรารู้ไม่จริงเสมอ ถ้าเกิดมีใครสักคนมองตรงกัน เราจะอุ่นใจ โดยที่คนๆ นั้นก็ไม่ได้รู้ดีไปกว่าเราก็ได้ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เมื่อเวลาหุ้นแพงจึงสามารถแพงได้มาก ๆ และเวลาที่หุ้นถูกมากๆ ก็จะถูกแบบไร้เหตุผล
คำถาม คือ แล้วเราจะเล่นอย่างไร ?
คำแนะนำ คือ เวลาที่เราอ่านผู้เล่น ไม่ให้อ่านว่าเขาคือใคร แต่ให้อ่านว่าเขาทำอย่างไร พยายามอ่านเจตนาผู้เล่นในตลาดให้ได้พวกเขาคิดอะไรอยู่ มีเจตนาอะไร และเราต้องทำตามผลประโยชน์สูงสุดมากกว่าตามมวลชนส่วนใหญ่
-----------------------
Cr. หยง ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ จาก หนังสือ หยง เกิดมาเทรด 1.5