ห้องเม่าปีกเหล็ก

12 หุ้นตัวจี๊ด ราคาดีดสวนงบเน่า

โดย dave
เผยแพร่ :
60 views

12 หุ้นตัวจี๊ด ราคาดีดสวนงบเน่า (ครึ่งปีขาดทุนยับ)

 

ห้วงนี้ตลาดหุ้นไทยคึกคัก แต่ขณะเดียวกันมีหุ้นหลายตัวที่แม้ว่าประกาศไตรมาส 2 ปี 64 หรืองบครึ่งปี 64 จะขาดทุนหนัก ระดับร้อยล้านถึงหมื่นล้านบาท แต่ราคากลับวิ่งขึ้นอย่างมาก นับจากวันประกาศงบเป็นต้นมา บางตัวพุ่งไปถึงกว่า 30% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD นั้นบวกกันกระจาย ระดับ 10 กว่า 100% เลยทีเดียว

1.MINT (บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 11,173.64 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 10,221.16 ล้านบาท แต่ผลงานไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุนสุทธิ 3.4 พันล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับทั้งไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 5.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 64 และ 7.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 63 ตามลำดับ

ราคาก่อนวันประกาศงบ (13 ส.ค.64) ปิด 29.75 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ +6.24% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD 26.21%)

2.AAV (บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 3.56 พันล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 1.81 พันล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปี64 ขาดทุนสุทธิ 1.69 พันล้าน เพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 1.14 พันล้านบาท รายได้รวม 1.08 พันล้าน แต่ค่าใช้จ่าย 3.89 พันล้านบาท

ราคาก่อนวันประกาศงบ (11 ส.ค.64) ปิด 2.26 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 2.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.44 บาท หรือ +19.47% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD 14.41%)

3.SDC (บมจ.สามารถ ดิจิตอล) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 134.49 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 127.63 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุน 71.52 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 69.30 ล้านบาท โดยเป็น 1 ในหุ้นที่ถูกจับตา เพราะมีคนในตระกูลพุ่มพันธุ์ม่วง เข้าไปถือหุ้นใหญ่ทั้งพล.ต.อ.สมยศ พร้อมลูกชายและลูกสาว

ราคาก่อนวันประกาศงบ (9 ส.ค.64) ปิด 0.59 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 0.78 บาท เพิ่มขึ้น 0.19 บาท หรือ +32.20% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +151.61%)

4.SOLAR (บมจ.โซลาร์ตรอน) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 114.94 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 123.02 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุน 57.49 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 50.51 ล้านบาท ฃ่วงนี้เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 1 (Cash Balance) มีผลวันที่ 6 ก.ย.64 สิ้นสุดวันที่ 23 ก.ย. 64

ราคาก่อนวันประกาศงบ (13 ส.ค.64) ปิด 2.12 บาท ล่าสุด 4 ก.ย.64 ราคาปิด 2.28 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ +7.55% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +93.22%)

5.BA (บมจ.การบินกรุงเทพ) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 1,431.55 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 3,313.38 ล้านบาท ขณะที่ ไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุน 685 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 77.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2,974 ล้านบาท เหตุจากบริษัทเริ่มกลับมาบินในเส้นทางบินภายในประเทศมากขึ้น จากปีก่อนที่หยุดทุกเส้นทางภายในประเทศ

ราคาก่อนวันประกาศงบ (11ส.ค.64) ปิด 9.40 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 11.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท หรือ +18.08% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +73.44%)

6.ERW (บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 1,181.72 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 727.61 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุน 689.77 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 625.10 ล้านบาท เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการคลายล๊อกดาวน์ เปิดเมืองให้ประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้มเดินทางข้ามจังหวัดได้

ราคาก่อนวันประกาศงบ (11 ส.ค.64) ปิด 2.84 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 2.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +3.52% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +27.23%)

7.CENTEL (บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 1,082.22 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 510.60 ล้านบาท ขณะไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุน 606.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.29% เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19

ราคาก่อนวันประกาศงบ (9 ส.ค.64 ปิด 29.00 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ +12.07% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +37.13%)

8.SHR (บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 882.33 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 575.70 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุน 571.43 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 810.77 ล้านบาท

ราคาก่อนวันประกาศงบ (10 ส.ค.64) ปิด 3.24 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 3.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท หรือ +7.41% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +41.46%)

9.NUSA (บมจ.ณุศาศิริ) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 481.72 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 475.82 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุน 266.49 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 124.28 ล้านบาท

ราคาก่อนวันประกาศงบ (13 ส.ค.64) ปิด 0.39 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 0.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ +2.56% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +37.93%)

 

10.MAJOR (บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 338.14 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 730.02 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุน 218.16 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 475.01 ล้านบาท แต่ราคาวิ่งขึ้นมาแรงจากการคาดหวังไตรมาส 3 ปี 64 มีบันทึกกำไรขายหุ้น SF 2.8 พันล้านบาท และคาดไตรมาส 4 ดีกว่าที่เป็นอยู่

ราคาก่อนวันประกาศงบ (11 ส.ค.64) ปิด 18.90 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 20.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท หรือ +8.99% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +12.57%)

11.PLAT (บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 271.49 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 31.21 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2 ปี64 ขาดทุน 135.08 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 57.50 ล้านบาท ต่อมาราคาขยับรับข่าวดี เปิดห้างคลายล๊อกดาวน์ ทำให้ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ และเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ย่านประตูน้ำ กลับมาอีกครั้ง

ราคาก่อนวันประกาศงบ (9 ส.ค.64) ปิด 2.82 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.28 บาท หรือ +9.93% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +26.02%)

12.SAMART (บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น) งบครึ่งปี 64 ขาดทุน 181.32 ล้านบาท ส่วนปี 63 ขาดทุน 161.00 ล้านบาท ขณะไตรมาส 2 ปี 64 ขาดทุน 112.73 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 199.35 ล้านบาท เหตุจากธุรกิจ ICT Solution and Service กำไรเพิ่มขึ้น

ราคาก่อนวันประกาศงบ (9ส.ค.64) ปิด 7.10 บาท ล่าสุด 3 ก.ย.64 ราคาปิด 7.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +1.41% (ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +32.11%)

อย่างไรก็ตาม แม้หุ้นเหล่านี้จะงบไม่สดใส แต่ถูกคาดการณ์จากนักลงทุนว่ามีอนาคต และเชื่อว่าเมื่อกลับมาเปิดประเทศหุ้นเหล่านี้จะวิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

 


dave