ผ่านไปอีกปีสำหรับการลงทุนที่ต้องยอมรับว่าเป็นปีที่ลงทุนยากอีกปีหนึ่ง
ในปี 2010 - 2019 เป็นยุคแห่ง "ดอกเบี้ยต่ำ เงินเฟ้อต่ำ" อเมริกาทำ QE รัวๆ ทำให้สภาพคล่องล้นระบบ
ในปี 2020 - 2022 เป็นยุคแห่ง "COVID-19 เงินเฟ้อสูง พลังงานแพง"
.
ต่อมาในปี 2022 เป็นยุคแห่งการดึงสภาพคล่องกลับ ขึ้นดอกเบี้ย สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลง หุ้นเทคโนโลยีที่ถูกทำให้เชื่อว่าเปลี่ยนโลก ต่างก็ปรับตัวกันมามาก 50-80% รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลหลายๆ สกุลก็ "ฟองสบู่แตก" ไม่ว่าจะเป็นทั้งเหรียญ แพลตฟอร์มซื้อขายเหรียญ หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ต่างก็ล้มละลายกันไป
เชื่อว่าเราน่าจะได้บทเรียนกันแล้วว่า ถ้าการลงทุนนั้นไม่ได้อ้างอิงอยู่กับพื้นฐานย่อมไม่ใช่การลงทุน แต่มันคือการพนัน
.
แต่สิ่งที่กล่าวมา คือเรื่องอดีต แล้วถ้าเรามองไปข้างหน้าล่ะ ?
ในปี 2023 เศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร ?
.
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ ได้วิเคราะห์เศรษฐกิจโลกในปีหน้า 3 เรื่องที่เราต้องรู้
✅ 1. การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะ "ลดลง" อย่างมาก
ถ้าเราแยกกลุ่มประเทศออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (Developed Market หรือ DM) และตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market หรือ EM)
... โดย DM จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะ Stagflation อย่างรุนแรง
... ในขณะที่ EM จะยังเป็นภาพของการเติบโต แต่การเติบโตจะลดลง
.
✅ 2. อัตราเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ถามว่า เราผ่านเงินเฟ้อสูงสุดไปแล้วจริงหรือ
คำตอบคือ เราผ่านจุดสูงสุดไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแล้วครับ
โดยบทวิเคราะห์ได้นำกลุ่มตัวอย่างประเทศ 42 ประเทศมาศึกษาพบว่าเงินเฟ้อทำจุดสูงสุดในเดือนมิถุนายน และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นในปีหน้าอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะลดลงจากฐานที่สูง และ Demand ทั่วโลกก็จะลดลงอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
.
✅ 3. อัตราดอกเบี้ยจะเคลื่อนที่เข้ามาจุดดุลยภาพมากขึ้น
ถ้าเราสังเกตประเทศที่พัฒนาแล้ว (DM) จะขึ้นดอกเบี้ยสูงมาก เพื่อครอบคลุมอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง
ในขณะที่ประเทศเกิดใหม่ (EM) บางประเทศก็ขึ้นดอกเบี้ยบ้าง บางประเทศไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย เช่น ประเทศไทย เราจะต้องชื่นชมแบงก์ชาติของไทยที่ “มองขาด” ไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา
.
ดังนั้นในปีหน้า เราจะเห็นอัตราดอกเบี้ยของทั้งสองกลุ่มประเทศปรับตัวเข้าหากัน และจะเห็นชัดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2023 ครับ ...
อ่านต่อ : https://bit.ly/3Pn71cA
