ห้องเม่าปีกเหล็ก

Futures และ DW ความแตกต่างอย่างสุดขั้วในแง่ money management

โดย Seminar stock2morrow
เผยแพร่ :
114 views

futures และ DW ความแตกต่างอย่างสุดขั้วในแง่ money management 29 พ.ย. 2559 / 11.33 น.

หลายคนเห็นผมเชียร์ DW อย่างมาก และก็มีคำถามโดยเฉพาะเมื่อเอา SET50 DW ไปเทียบกันกับ SET50 Futures ว่า ทำไมผมถึงเลือกที่จะเล่น SET50 DW ไม่ไปเล่น futures ทั้งๆที่ฟิวเจอร์สดูแล้วดีกว่าเยอะ และไม่มีการเอาเปรียบจากผู้ออกด้วยซ้ำ

คำตอบแรกที่ผมจะตอบเสมอเลยก็คือ ผมขี้เกียจย้ายเงินข้ามบัญชีไปมา และการเหลื่อมกันของการชำระราคาทำให้เกิดปัญหาในการโยกเงินแทบจะทุกครั้ง นั่นคือ ตลาดหุ้นชำระราคา T+3 ส่วนตลาดอนุพันธ์ชำระราคา T+1

แต่ในความเป็นจริงๆแล้ว หากเราไม่มองในเรื่องของความลำบากในการโยกเงิน ทั้ง futures และ DW มันก็มีข้อดีข้อด้อยที่แตกต่างกันไป

แต่สิ่งหนึ่งที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยก็คือ แนวคิดในเรื่องของ money management หรือการบริหารจัดการเงินลงทุนของเรา ซึ่งมันจะส่งผลต่อการลงทุนของเราอย่างมาก

SET50 futures เป็นตราสารอนุพันธ์แบบฟิวเจอร์ส มีการซื้อขายกันที่ราคาตลาด โดยเล่นได้ทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย ผู้ซื้อวางเงินเล่นเท่ากับเงินที่ทางตลาดกำหนดเอาไว้ (ในขณะนี้ประมาณ 5% ของมูลค่าสัญญา)

ยกตัวอย่างเช่น SET50 futures 1 สัญญาคิดเป็นมูลค่าประมาณ 190000 บาท (ดัชนี 950 จุด คูณด้วย 200) ถ้าเราจะเล่นฟิวเจอร์สเราก็วางเงินเพียงแค่ราว 10000 บาท ก็จะสามารถเปิดสัญญาได้ 1 สัญญา เท่ากับว่า เราวางเงินแค่ประมาณ 5% ก็จะสามารถเปิดสัญญาฟิวเจอร์สที่มีมูลค่าสูงถึง 190000 บาทได้แล้ว

ในทางตลาดอนุพันธ์ เราเรียกว่า สัญญา SET50 futures นี้จะมี leverage ราว 1 : 20 หรือมีอัตราทด 20 เท่า

ถ้าฟิวเจอร์สขึ้นไป 1% เราจะได้กำไรราว 20% ของเงินลงทุนของเรา (futures ปรับ 9.5 จุด เราจะได้เงิน 1900 บาท เทียบกับเงินวางหลักประกัน 10000 บาท)

DW เป็นตราสารอนุพันธ์ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็น options แต่นำมาซื้อขายในตลาดหุ้น ตราสารชนิดนี้มีลักษณะของการ "ขายขาด" คือ จ่ายเงินครั้งเดียว เพราะมีรูปแบบเป็น "สิทธิในการซื้อ" หรือ "สิทธิในการขาย" และมีการควบคุมราคาโดยผู้ออก DW ซึ่งทำหน้าที่เป็น market maker ไปในตัว

การลงทุนใน SET50 DW ก็จะมีในเรื่องของ "อัตราทด" เช่นเดียวกัน โดยเราสามารถดูข้อมูลอัตราทดได้จากเวบไซต์ของผู้ออก DW ค่ายนั้นๆ ซึ่งก็จะมีอัตราทดหลากหลายระดับให้เราเลือก ต่างจาก SET50 futures

ความแตกต่างในเรื่องของ "หลักการ" ของ SET50 futures และ SET50 DW นี่เอง ที่ทำให้นักลงทุนต้องพิจารณาให้ดี เพราะมันส่งผลต่อการบริหารจัดการเงินที่จะนำมาลงทุนเป็นอย่างมาก

SET50 Futures คือพันธะสัญญาที่จะซื้อหรือจะขายดัชนี ของฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย เงินที่เราใช้ในการเปิดสัญญานั้น เป็นเพียงแค่ "เงินวางหลักประกัน" ซึ่งคิดเป็นแค่ราว 5% ของมูลค่าสัญญาจริงๆเท่านั้น

SET50 DW เป็นสิทธิที่จะซื้อ หรือสิทธิที่จะขาย นั่นหมายความว่า ในฐานะที่เราเป็นนักลงทุน เมื่อเราซื้อ DW มา เราได้ทำการ "ซื้อขาด" สิทธิในการซื้อหรือขายนั้นมาเป็นของตัว เงินที่เราจ่ายค่า DW ไป เป็นการจ่ายค่า "สิทธิ" ดังกล่าว ซึ่งเป็นการจ่ายหนเดียว ไม่ได้มีลักษณะเป็นเงินวางหลักประกันเหมือนกับของ Futures

เรามาลองดูความเสี่ยงกัน สมมติ เราต้องการเล่นดัชนีขาขึ้น ถ้าเราต้องการเล่น SET50 futures เราก็จะเอาเงินไปวางราว 10000 บาท เพื่อเปืด long ฟิวเจอร์ส 1 สัญญา / แต่หากเราเล่น DW เราก็เอาเงิน 10000 บาทนี้ไปซื้อ SET50 Call DW สักตัวหนึ่ง

สมมตินะครับว่าวันถัดไปเกิดมีเหตุอะไรบางอย่าง ให้ดัชนี SET50 ปรับตัวลดลง 100 จุด

ในการลงทุน SET50 futures ดัชนี 100 จุด คิดเป็นมูลค่า 20000 บาท เท่ากับว่ามูลค่าของสัญญาเราจะหายไป 20000 บาท แต่เงินที่เราวางหลักประกันไว้เมื่อเปิดสัญญาฟิวเจอร์สนั้น วางเพียง 10000 บาท เท่ากับว่า เงินจำนวนนั้นไม่เพียงพอ เราจะต้องหาเงินอีก 10000 บาทมาจ่ายให้กับโบรกเกอร์

นั่นเพราะเงินที่เราเปิดสัญญา เป็นเพียงแค่ "เงินวางหลักประกัน" ซึ่งในความเป็นจริง เรามีโอกาสที่จะขาดทุนได้ "มากกว่า" เงินวางหลักประกันของเราก็ได้

แต่ในการลงทุน SET50 DW สมมติการปรับลงของดัชนี 100 จุด ทำให้ DW ตัวนั้นมีราคาเหลือ 0 บาท ก็เท่ากับว่า เงินลงทุน 10000 บาทของเราหมดไปเท่านั้นเอง

นี่คือความแตกต่างอย่างมาก สำหรับการลงทุนในตราสาร 2 ชนิดนี้

นักลงทุนหลายคนชอบบอกว่า เอาเงินไปเล่น futures ดีกว่าตั้งเยอะ นั่นเพราะนักลงทุนมองแค่มุมเดียว คือในมุมของ "ราคา" ของสัญญาที่เล่น ว่าการเล่น futures นั้นมันเล่นได้ในราคาที่ใกล้เคียงกับดัชนี SET50 มาก ในขณะที่การเล่น DW เมื่อคิดเป็นดัชนี SET50 แล้วมัน "แพงมาก"

แต่นั่นเพราะนักลงทุนไม่ได้ศึกษาและไม่ได้เข้าใจถึงตราสารอนุพันธ์ประเภท ฟิวเจอร์ส และ ออพชั่นส์ เลย ว่าต่างฝ่ายต่างก็มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร

ใช่ครับ ผมไม่เถียงเลย ว่าการเล่น SET50 futures เป็นการเล่นที่ "ถูกกว่า" ในแง่ของราคา และดูเหมือนว่าจะยุติธรรมมากกว่า หากเทียบกับ DW ที่ดูเหมือนนักลงทุนจะโดนเอาเปรียบจากผู้ออก DW แต่เราต้องไม่ลืมว่า DW มันคือ options ครับ มันไม่ใช่ futures มันไม่เหมือนกัน

หากเราเล่น SET50 futures 1 สัญญา แล้วเราวางเงินเอาไว้ เท่ากับจำนวนเงินวางหลักประกัน หากราคาปรับตัวผิดทางแค่ราว 11 จุด เราจะโดนเรียกว่าหลักประกันเพิ่มเติมจากโบรกเกอร์ทันที

นั่นจึงเป็นสิ่งที่นักเล่น futures โดยทั่วไปปฏิบัติกันโดนปกติอยู่แล้วคือ เวลาคิดจะเล่น จะต้องเผื่อเงินเอาไว้ด้วย ไม่ใช่วางเงินแค่เปิดสัญญาได้แค่สัญญาเดียว

นี่คือเรื่องของ money management ครับ

สมมติผมมีเงิน 100000 บาท ถ้าผมจะเปิด SET50 futures 1 สัญญา ซึ่งวางเงิน 10000 บาท แล้วเอาเงินที่เหลือ 90000 บาทไปซื้อหุ้นอย่างอื่น สมมติวันถัดมา ฟิวเจอร์ไปผิดทางถึง 11 จุด ผมจะถูกเรียกหลักประกันเพิ่มทันที ผมก็ต้องไปขายหุ้นทิ้ง หรือไม่ก็ไปหาเงินจากที่อื่นเพื่อมาเติม หากหาไม่ได้ตามกำหนด ผมก็ต้องโดยบังคับปิดสัญญา หรือหากดัชนีผิดทางไปมากกว่านั้น ผมอาจโดนบังคับให้ปิดสถานะทันทีเลยก็ได้

แต่หากผมเลือกที่จะเผื่อเงินเอาไว้บ้าง เช่น ผมเล่นฟิวเจอร์ส 1 สัญญา วางเงิน 10000 บาท แล้วเผื่อเงินไว้อีก 10000 บาท ส่วนที่เหลือ 80000 บาท ผมเอาไปลงทุนอย่างอื่น ถ้าผมทำเช่นนี้ อัตราทดของการลงทุนในฟิวเจอร์สของผมจะไม่ใช่ 20 เท่าเสียแล้ว แต่จะเหลือเพียงแค่ 10 เท่า !!!! เพราะผมไม่ได้ใช้เงินแค่ 10000 ในการเล่นฟิวเจอร์ส แต่ผมต้องเผื่อเงินเอาไว้อีกเท่าตัวหนึ่ง

ในทางตรงกันข้าม หากผมเล่น SET50 DW ผมจะไม่ต้องมานั่งกังวลว่า ผมจะต้องเจอเรียกหลักประกันเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะการเล่น DW นั้นเหมือน options คือเราซื้อ "สิทธิ" นั้นมาขาดตัว ถ้าผมเอาเงิน 10000 ไปซื้อ DW มันก็คือเงินแค่ 10000 ผมไม่มีความจำเป็นต้องเผื่อเงินอะไรเอาไว้ ถ้าหมดมันก็คือหมดแค่ 1 หมื่นนั้น เงินที่เหลืออีก 90000 บาท ผมสามารถเอาไปลงทุนอย่างอื่นได้อย่างสบายใจ

ดังนั้น ในแง่ของ money management แล้ว การเล่น DW ถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่า และเราสามารถโยนเงินทั้งก้อนลงไปเล่น DW ได้ โดยไม่ต้องกังวลอะไร ถ้ามันเจ๊ง มันก็จะเจ๊งเท่าที่เราจ่ายเงินไป มันจะไม่มีวันเจ๊งมากกว่านั้น ต่างจาก futures ที่มีโอกาสขาดทุนได้มากกว่าเงินที่วางหลักประกัน

แต่ในข้อดี มันก็มีข้อเสีย DW เป็นสิทธิที่เราซื้อมา ส่วนใหญ่สิทธินี้จะขายกัน "แพง" และสิทธิจะมีการเสื่อมราคาลงไปเรื่อยๆ

นั่นหมายถึงว่า DW จะเกิด time decay คือ เมื่ออายุของสิทธิลดลง ราคาของสิทธิก็จะลดลง พูดอีกอย่างก็คือ ราคาของ DW จะลดลงเรื่อยๆจนถึงวันหมดอายุ DW จะมีค่าเหลือเท่ากับมูลค่าที่แท้จริงของมัน

นั่นทำให้ค่า effective gearing หรือ อัตราทด ที่เรามองไว้ในทีแรก ยกตัวอย่างเช่น 17 เท่า พอเอาเข้าจริง หากเราถือ SET50 DW ไปเรื่อยๆ เกิดการเสื่อมค่าของมูลค่าเวลา (time decay) ไประหว่างทาง ท้ายที่สุด กำไรที่เราได้อาจจะน้อยกว่า 17 เท่า หรือบางที เราอาจจะไม่กำไรเลยก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้ ตราสารทั้งสองชนิด ไม่ว่าจะเป็น SET50 Futures หรือ SET50 DW ก็มีข้อดีข้อเสียในตัวของมันเอง มีความเสี่ยงในตัวของมันเอง นักลงทุนจำเป็นจะต้องเข้าใจลักษณะของตราสารแต่ละชนิดให้ถี่ถ้วน เพื่อที่จะบริหารจัดการความเสี่ยง และบริหารจัดการเงินลงทุนให้มีประสิทธิภาพ

แต่โดยหลักการ ในภาวะปกติทั่วไป การเล่น SET50 Futures ดูจะน่าปลอดภัยกว่า และดูเหมือนจะเป็นธรรมมากกว่า กล่าวคือ ถ้าเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนไม่มากนัก แกว่งตัวออกด้านข้าง จะขึ้นหรือลงก็แบบช้าๆ การเล่น SET50 Futures จะเหมาะสมมากกว่าเพราะไม่มีเรื่องของ time decay แต่นักลงทุนอาจต้องพิจารณาในเรื่องของ basis ในขณะที่ทำการเปิดสัญญาให้ดี

แต่หากตลาดอยู่ในภาวะที่ผันผวนมาก และจุดที่ซื้อมีความเสี่ยงสูง เช่น เราต้องการ bet กับข่าวอะไรบางอย่างที่ถ้าออกมาแล้วผิดคาด อาจทำให้ดัชนีไปผิดทางได้มากๆ กรณีนี้ SET50 DW จะมีความน่าสนใจกว่าเป็นอย่างมาก เพราะสามารถจำกัดการขาดทุนของเราได้ ไม่มีความจำเป็นต้องเผื่อเงินลงทุนเอาไว้ และยังให้ผลตอบแทนที่สูง หากเราเล่นสั้นๆ เพราะเราจะโดน time decay น้อยมากๆ

Cr.Wattana Stock Page

===============================================================

ใครที่กำลังสนใจ การเทรด DW (derivative warrant) ห้ามพลาด !!!

คอร์ส "DW ฉบับอนุบาล" ปูพื้นฐาน DW อย่างง่าย ให้คุณเริ่มเทรดได้อย่างมั่นใจ

โดย วิทยากร คุณป้อม วัฒนา ชื่นจิตรวงษา

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2560 (ที่นั่งจำนวนจำกัด)

สถานที่ stock2morrow @Silom Complex ชั้น 17

ดูรายละเอียดจองได้ที่ >> https://goo.gl/MW1ik7


Seminar stock2morrow