ห้องเม่าปีกเหล็ก

กูรูคาด ‘กำไรบจ.’ ปีนี้ แตะ 9.4 แสนล้าน ยก ‘กลุ่มสื่อสาร-ค้าปลีก’ เด่น

โดย dave
เผยแพร่ :
46 views

กูรูคาด ‘กำไรบจ.’ ปีนี้โตทะลุ 10% แตะ 9.4 แสนล้าน ยก ‘กลุ่มสื่อสาร-ค้าปลีก’ เด่น

กูรูคาด ‘กำไรบจ.’ ปีนี้โตทะลุ 10% แตะ 9.4 แสนล้าน ยก ‘กลุ่มสื่อสาร-ค้าปลีก’ เด่น แนะเฝ้าติดตามปัจจัยลบ “สงครามการค้าสหรัฐ” รุนแรง กระทบ “กำไร” 

ภาพรวมของ “บริษัทจดทะเบียน” (บจ.) ที่เริ่มทยอยประกาศงบไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างเป็นไปตามคาด โดยเฉพาะ “กลุ่มสื่อสาร” ถือเป็น “ปีทอง” หลังจากที่คู่แข่งเหลือแค่ 2 ราย ทำให้เกิดการแข่งขันไม่มาก ขณะที่ “กลุ่มพลังงาน” ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยของ “ราคานำมัน” ที่ยังคงต้องติดตาม ดังนั้น ทิศทางของ “กำไรบริษัทจดทะเบียนไทย” (บจ.) ในปี 2568 จะออกมา “เติบโต” หรือ “ลดลง”  

“กรุงเทพธุรกิจ” สอบถามมุมมอง ของ “นักวิเคราะห์” ระบุว่า ปี 2568 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) กลุ่มค้าปลีก กลุ่มท่องเที่ยว และไอซีที มี “กำไร” แข็งแกร่ง ขณะที่ ประเด็น “สงครามกาารค้า” ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง ซึ่งอาจจะกระทบกับธุรกิจที่อิงกับเศรษฐกิจภายนอกบ้าน 

“รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า คาดการณ์ “กำไรบจ.” ใน coverage สำหรับปี 2568 คิดเป็นสัดส่วนราว 85% ของทั้งตลาด อยู่ที่ 9.4 แสนล้านบาท เติบโตราว 17% จากปี 2567 (คาดการณ์กำไรบจ. ปี 2567 ไว้ที่ 8.04 แสนล้านบาท ลดลงจากกำไรบจ. ปี 2566 ที่ 8.26 แสนล้านบาท) พลิกกลับมาเติบโตจากปี 2567 เติบโตลดลงจากปีก่อน

สำหรับ “กลุ่มอุตสาหกรรม” ที่ช่วยขับเคลื่อนผลประกอบการตลาดปีนี้มี “4 กลุ่ม” คือ กลุ่มปิโตรเคมี, สื่อสาร, ขนส่ง และ ค้าปลีก โดย “กลุ่มปิโตรเคมี” คาดผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นแรงหลังปีก่อนหน้า มีบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์จำนวนมาก ด้าน “กลุ่มสื่อสาร” ผลประกอบการของกลุ่มคาดพลิกเป็น “กำไร” โดยเฉพาะจาก TRUE ที่เราคาดว่าจะพลิกจากผลขาดทุนสุทธิทางบัญชีเป็นกำไรสุทธิได้ในปีนี้

ขณะที่ กลุ่มขนส่งการเติบโตของผลประกอบมาจาก AOT เป็นหลัก และกลุ่มค้าปลีก โตจาก CPALL, CPAXT, BJC และ CRC จากการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน ตามกำลังซื้อที่คาดจะเร่งตัวขึ้นจากการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ

พร้อมกันนี้ ยังมอง “ปัจจัยบวก” สนับสนุนการเติบโตกำไรบจ.ปีนี้ ได้แก่ 1.เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวแบบเร่งขึ้น 2.เงินเฟ้อยังต่ำและการขยายตัวของสินเชื่อในระบบเป็นภาพของการหดตัวอาจส่งผลให้เห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายไทยลงได้ 3.ด้านแรงขายอาจมีแนวโน้มชะลอโดยเฉพาะเมื่อมีการขายไถ่ถอนเงิน “กองทุน LTF” ไปมากแล้วตั้งแต่ต้นปี รวมทั้งกำลังพิจารณา “กองทุน Thai ESG2” 4.ในฝั่งต่างประเทศ สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มผ่อนคลาย และ 5. โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงส่งผลบวกต่อบรรยากาศลงทุน

อย่างไรก็ตาม “ปัจจัยลบ” เป็นความเสี่ยงส่งผลกระทบต่อกำไรบจ. ได้แก่ 1.สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศ 2.ผลประกอบการบจ. รายงานออกมาอ่อนแอ 3.ความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดทุนไทยค่อนข้างต่ำ และ4.ความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอน

“พิริยพล คงวาณิช” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐาน สายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า คาดกำไรบจ. ใน coverage สำหรับปี 2568 คิดเป็นสัดส่วนราว 80% ของทั้งตลาด ที่ 9.1 แสนล้านบาท เติบโต11% จากปี 2567 (คาดกำไรบจ. ปี 2567 ไว้ที่ 8.16 แสนล้านบาท) จากกลุ่ม 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดเติบโตดี ได้แก่ 1.กลุ่มสื่อสาร ( ICT) มีการแข่งขันที่ลดลงทำให้ผู้ประกอบการเลิกใช้โปรโมชั่นราคาถูก ส่งผลให้ภาพรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) เติบโตต่อเนื่อง อัตราเงินปันผลที่สูง

2.กลุ่มค้าปลีกของใช้จำเป็น ยอดขายคาดเติบโตต่อเนื่อง ถึงแม้การบริโภคโดยรวมอาจโดนกดดันจากหนี้ครัวเรือนสูง และ 3.กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากยอดขายที่ดินในนิคมฯ คาดเติบโตดีหนุนจากกระแสย้ายฐานผลิตต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “จีนและไต้หวัน” เริ่มเห็นการปรับยอดขายที่ดินปี 2568 ประกอบกับราคาที่ดินเติบโตต่อ 5-10% จากปีก่อน

ด้าน “ปัจจัยบวก” หนุนกำไรบจ. ปีนี้ ได้แก่ มาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ เช่น โครงการแจกเงินเฟส 3 (ดิจิทัล วอลเล็ต) ราว 1.4 แสนล้าน

บาท, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดลดดอกเบี้ยนโยบายหนุนเศรษฐกิจ, นักท่องเที่ยวคาดเพิ่มเป็น 38 ล้านคน จาก 35.54 ล้านคน ปี 2567 และกระแสย้ายฐานผลิต คาดยังคงหนุน FDI เข้า Asian รวมถึงไทยต่อเนื่อง

“กิจพณ ไพรไพศาลกิจ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ณ ปัจจุบันหุ้นที่ดูเหมือนจะมีปัญหาขณะนี้คือ หุ้น DELTA กับ AOT แต่ถ้าไปดูในตัวอื่น ๆ ภาพยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากนักวิเคราะห์ที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ได้มีการประกาศมาถึง ณ ปัจจุบัน ถ้าเทียบกับช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 ถือว่าดีขึ้นประมาณ 25-30%

ทั้งนี้ การปรับตัวดีขึ้น หลักๆ จากปัจจัยบวก 2 ส่วน แรกมาจากปัจจัยฤดูกาลท่องเที่ยวไฮซีซั่น รวมถึงการบริโภคต่าง ๆ และ 2. ไตรมาสที่ผ่านมาการชะลอตัวของผลประกอบการ ผลกระทบหลักจากการปรับตัวลดลงของน้ำมันดิบ จึงทำให้ “ขาดทุน” ในเรื่องของสต็อกค่อนข้างในกลุ่มปิโตรเคมี และโรงกลั่น

อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างเติบโต รวมถึงกลุ่มการบริโภค เช่น ค้าปลีก เป็นต้น ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวปีนี้ยังมีแรงหนุนที่ดีจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และมีแนวโน้มว่า รัฐบาลจะออกนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในลักษณะคล้าย ๆ กับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

“เราจึงมองว่า ภาพของการรายงานผลประกอบการออกมาถือว่า เป็นไปตามคาดหวังที่ได้ประเมินไว้ แต่สิ่งที่ต้องจับตากับความเสี่ยงสงครามการค้าว่า จะเข้ามากระทบผลกำไรของผลประกอบการกับบริษัทจดทะเบียนที่อิงกับเศรษฐกิจภายนอกหรือไม่”

นอกจากนี้ กลุ่มสื่อสารยังมีกำไรที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการแข่งขันที่ลดลงส่วน ICT ขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการมาของ AI และการใช้จ่ายของภาครัฐที่ปีนี้โครงการต่าง ๆ น่าจะกลับมา ส่งผลให้ในปีนี้ถือว่า เป็นปีที่ดีของหุ้นกลุ่มสื่อสาร

“วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า งบไตรมาส 4 ปี 2567 เริ่มทยอยออกมาถือว่ายังไม่ได้แย่มาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสื่อสารออกมาดี หรือกลุ่มไฟแนนซ์ออกมาก็เป็นไปตามคาด ขณะที่กลุ่มธนาคารดีเช่นกัน ซึ่งให้กลุ่มใหญ่ๆ ยังไม่ผิดคาด แต่อาจจะมีบางกลุ่มหรือบางตัว อย่าง กลุ่มปิโตรเคมีออกมาไม่ได้

ทั้งนี้ ภาพใหญ่ของ EPS ปี 2567 ที่ตลาดทำไว้ที่ประมาณ 85 บาท ขณะที่ปี 2566 EPS ที่ 77-78 บาท โตมาในระดับหนึ่ง หรือประมาณ 10% ส่วนในปีนี้ตลาดคาดการณ์ EPS ไว้ที่ 95 บาท บวกประมาณ 11-12% แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอติดตามไปจนถึง 28 ก.พ. 2568 ที่จะประกาศงบไตรมาส 4 ปี 2567 ครบ จะเห็นการปรับประมาณการลงหรือไม่ โดยการเติบโตที่ตลาดมองกันไว้ที่ประมาณบวก ลบที่ 10% สำหรับปีนี้

อย่างไรก็ตาม หุ้นหลาย ๆ กลุ่มฐานต่ำในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเซกเตอร์ใหญ่ ๆ อย่าง พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ กำไรไม่ค่อยดีนัก ขณะที่กลุ่มคอมเมิร์ชอยู่ในระดับที่ดี ทำให้ในปีนี้กลุ่มที่ฐานต่ำก็น่าจะปรับฟื้นขึ้นมาได้บ้าง

 

ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1167953

 


dave