ห้องเม่าปีกเหล็ก

Portfolio Strategy (1 Dec - 5 Dec 2025)

โดย Edrink
เผยแพร่ :
74 views

Portfolio Strategy (1 Dec - 5 Dec 2025) ทางแยกการเมือง ความเสี่ยงและความหวัง ยังเน้นตั้งรับโดยเลือกลงทุนหุ้นปันผลสูงและราคาไม่แพง

 

ตลาดปรับมุมมองต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed

ตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัวฟื้นขึ้นหลังนักลงทุนปรับมุมมองต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed โดยคาดว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC วันที่ 10 ธ.ค. นี้ หลังจากประธาน Fed สาขานิวยอร์ก John Williams ให้ความเห็นสนับสนุนลดดอกเบี้ย หนุนให้ดัชนี MSCI ACWI ให้ปรับขึ้น 3.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังซบเซา โดย SET Index ปรับขึ้นเพียง 0.2% หลังแรงขายจากต่างชาติยังคงกดดัน แม้ดัชนีพยายามดีดตัวจากแนวรับ 1,250 ในช่วงต้นสัปดาห์ ความกังวลเรื่องผลกระทบจากน้ำท่วมโดยเฉพาะในหาดใหญ่กดดันบรรยากาศการลงทุน กลุ่มส่งออกเช่น อาหารและเครื่องดื่ม ปรับตัวลงตามการแข็งค่าเร็วของเงินบาท ขณะที่หุ้นกลุ่ม ICT เช่น ADVANC และ TRUE ลดลงตามแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี กลุ่มท่องเที่ยวและขนส่งปรับเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นขึ้น ด้านกลุ่มค้าปลีกรวมถึงวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นตามความคาดหวังว่าการใช้จ่ายภาคเอกชนจะเร่งขึ้นโดยเฉพาะรายจ่ายเพื่อซ่อมแซมหลังน้ำท่วม

ความคาดหวังนโยบายผ่อนคลายเป็นประเด็นหลักหนุนบรรยากาศการลงทุน

มองไปข้างหน้า เราประเมินแนวโน้มหลักของ SET ยังเป็นขาลง หลังจากหลุดแนวรับสำคัญตั้งแต่ 1,300 ลงมาถึง 1,270 และล่าสุดมาทดสอบที่ระดับ 1,250 จุด โดยปัจจัยบวกในตลาดมีอยู่ไม่มาก ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดขึ้นอยู่กับเพียงความคาดหวังว่า Fed จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุม FOMC วันที่ 10 ธ.ค. นี้ ซึ่งอาจทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงและช่วยหนุนราคาสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงความหวังว่าที่ประชุม กนง. ของธปท. ในวันที่ 17 ธ.ค. นี้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังเห็นตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2568 ที่ออกมาอ่อนแอต่ำคาด และมีแนวโน้มว่าความอ่อนแออาจต่อเนื่องในไตรมาส 4/2568 จากผลกระทบจากน้ำท่วม รวมถึงเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อที่มีกำหนดจะรายงานในสัปดาห์นี้ช่วงวันพุธก็คาดว่าจะยังติดลบต่อ ยังเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะเงินฝืดอีกด้วย

ประเด็นการเมืองอาจเป็นได้ทั้งปัจจัยลบหรือแรงหนุนระยะสั้น

ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศยังคงกดดันบรรยากาศลงทุน โดยเฉพาะความเป็นไปได้ของการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจหลังวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบสภาก่อนกำหนดและทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ แม้ว่าคณะรัฐมนตรีอาจเร่งรัดการอนุมัติ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินการให้เสร็จทันเวลาหรือไม่ อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกที่อาจเกิดขึ้นคือ หากฝ่ายค้านตัดสินใจชะลอการยื่นญัตติ เนื่องจากการประชุมวิสามัญวันที่ 10–11 ธ.ค. ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ต้องมีช่วงเวลาระยะห่าง 15 วันก่อนการพิจารณาวาระที่ 3 การเลื่อนดังกล่าวอาจเปิดโอกาสให้รัฐบาลเดินหน้าผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสุดท้าย ซึ่งอาจช่วยให้ตลาดหุ้นไทยเกิดการฟื้นตัวระยะสั้นได้

ยังเน้นตั้งรับโดยเลือกลงทุนหุ้นปันผลสูงและราคาไม่แพง สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เรายังคงเน้นตั้งรับจากความเสี่ยงเชิงลบในภาพใหญ่ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง ขณะที่ปัจจัยบวกยังคงมีไม่ชัด เราประเมิน SET Index สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,250 – 1,270 จุด โดยหุ้นเด่นประจำสัปดาห์เราเน้นเลือกหุ้นในกลุ่มปันผลสูง (high yield) และกลุ่มหุ้นที่มีมูลค่าไม่แพง (deep discount) เช่น KTB PTTEP AP ERW AMATA แม้หากฝ่ายค้านชะลอการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจอาจช่วยหนุนบรรยากาศในตลาดระยะสั้น แต่เรามองว่า upside การปรับขึ้นของ SET Index น่าจะถูกจำกัดในกรอบ 1,270–1,290

 


Edrink