ล่าสุด 21 ธ.ค. 59 กนง. มีมติตัดสินใจนโยบายคงอัตราดอกเบี้ย 1.50% ต่อปี คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในอัตราใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงมี แนวโน้มทยอยปรับสูงขึ้นอย่างช้าๆ
สําหรับภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจ คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้
เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวได้ในอัตราใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน
โดยแม้ภาคการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบมากกว่าคาดจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย และการลงทุนภาคเอกชนโดยรวมยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำแต่ถูกชดเชย
โดยการส่งออกสินค้าที่มีสัญญาณดีขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตสินค้าบางรายการมาที่ประเทศไทย
รวมทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้นตามรายได้เกษตรกรและมาตรการกระตุ้นระยะสั้นของภาครัฐ
ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสําคัญอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโน้มไปทางต่ำมากกว่าขึ้น จากเศรษฐกิจคู่ค้า ที่อาจชะลอลงมากกว่าคาดความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ที่จะมีนัยสําคัญต่อความเชื่อมั่นและการค้าระหว่างประเทศ
และจํานวนนักท่องเที่ยวจีนที่อาจน้อยกว่าประมาณการ
นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากพัฒนาการทางการเมืองในยุโรปและปัญหาภาคการเงินในยุโรปและจีนยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มทยอยปรับสูงขึ้น และคาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในไตรมาสแรก ของป 2560 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับราคาน้ํามันและราคาอาหารสดเป็นสําคัญ
ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยสภาพคล่องในระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังอยู่ในระดับต่ำ
แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับสูงขึ้นมาอยูในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของปีก่อน
ในช่วงที่ผ่านมา เงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. โน้มอ่อนค่า แต่ในอัตราที่น้อยกว่าคู่แข่งสําคัญโดยรวม ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เท่าที่ควร
แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในบางจุด อาทิ คุณภาพสินเชื่อของธุรกิจบางกลุ่มที่ด้อยลง และพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield)
ประเด็นที่ต้องติดตามของไทยจะอยู่ที่กระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุน ที่อาจจะมีความอ่อนไหวและผันผวนมากขึ้น เนื่องจากตลาดการเงินทั่วโลก อาจยังคงต้องการเวลาในการซึมซับ และประเมินช่วงเวลาที่ชัดเจนของการขยับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กนง. น่าจะยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ 1.50% ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เพื่อรอประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟดต่อเศรษฐกิจไทยอีกระยะ
ติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากที่ได้รับแรงกระตุ้นเพิ่มเติมจากมาตรการของภาครัฐ
ทั้งนี้ ประเทศไทยนับว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ยังมีพื้นที่/เครื่องมือผ่อนคลายทางการคลังที่สามารถนำปรับใช้ได้อย่างทันท่วงที
เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในประเทศ และช้อปช่วยชาติ
มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการประชารัฐสร้างไทยให้กลุ่มจังหวัด 18 กลุ่ม เพื่อประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
โดยหนี้สาธารณะของไทยที่ยังคงอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก (ประมาณ 42-43% ของจีดีพี ต่ำว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไว้ 60% ของจีดีพี)
ประกอบกับตามกฎหมายแล้ว รัฐบาลยังมีพื้นที่ในการกู้เงินเพิ่มเติม เพื่อไฟแนนซ์การใช้จ่ายในส่วนนี้ โดยไม่ละเมิดกรอบวินัยทางการคลังอีกประมาณ 2 แสนล้านบาท
สำหรับทิศทางนโยบายการเงินของไทยในปี 2560 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กนง. น่าจะยังคงส่งสัญญาณรักษา Policy Space
และดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนปรนต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้า ยังคงมีความเปราะบาง
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : BOT, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย