NER หุ้นกลุ่มยางพาราปันผลดี
ลุ้นปี 66 ให้ผลตอบแทนเกือบ 7%

.
NER หรือ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง เป็นหนึ่งในหุ้นที่จ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอและมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ในปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงถึง 7%
.
โดย NER มีประวัติจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง หากนักลงทุนถือหุ้นตั้งปี 2561 จนถึงปัจจุบัน จะได้รับเงินปันผลทั้งหมด 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1.29 บาทต่อหุ้น โดยปัจจุบันอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ระดับ 8.19%
.
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ปัจจุบัน NER มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 8,573.74 ล้านบาท และมี P/E อยู่ที่ระดับ 5.38 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 8 มิ.ย. 66) โดยราคาหุ้นวันที่ 8 มิ.ย. 66 อยู่ที่ 4.64 บาท ปรับตัวลดลง 26.93% จากช่วงต้นปี
.
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดการณ์ปี 2566 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลรวมที่ 0.35 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 6.9% ส่วนปี 2567 คาดจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.35 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 7%
.
ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานคาดผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาดกำไรในไตรมาส 1/66 คือจุดต่ำสุดของปี 2566 และผ่านจุด Bottom ของอุตสาหกรรมไปแล้ว คาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของราคา ASP และปริมาณขายในไตรมาส 2/66 ไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอาจทำให้ GPM กลับมาที่ระดับ 10% ได้
.
ขณะเดียวกันราคา ASP มีโอกาสเร่งขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพราะคาดว่าปริมาณฝนในปีนี้จะน้อยกว่าปกติ ทำให้น้ำยางออกสู่ตลาดน้อยกว่าปกติได้ ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจฝั่งประเทศตะวันตกกระทบต่ออุปสงค์จากลูกค้าของ NER ค่อนข้างจำกัด
.
อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 2566 เพียง 5.8 เท่า และคาดเงินปันผลสำหรับปี 2566 ที่ 0.35 บาท ให้ผลตอบแทน 6.9% สะท้อนว่าราคาตลาดตอบสนองต่อแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/66 ไปมากแล้ว ขณะที่ผลประกอบการคาดฟื้นตัวขึ้นรายไตรมาส ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าผลประกอบการที่ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เป็นโอกาสสะสม จึงคงประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 1,611 ล้านบาท ลดลง 7.78% จากปีก่อน และคงคำแนะนำ ซื้อ รวมถึงคงราคาเป้าหมายที่ 7.10 บาท
.
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า คาดราคาขายดีขึ้นตามตลาดแต่ปริมาณลดลงเนื่องจากเข้าสู่ฤดูปิดกรีดยาง อย่างไรก็ตามฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเชิงลบจากความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกและสหรัฐชะลอตัว จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์และยางล้อ ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการยางพาราและราคาขายยาง นอกจากนี้แนวโน้มเกิดภัยแล้งและเอลนีโญอาจทำให้ผลผลิตยางไทยน้อยกว่าคาดกดดันให้ต้นทุนยางของ NER สูงขึ้น โดยลดคำแนะนำหุ้นเป็น ถือ จากเดิม ซื้อเก็งกำไร และลดราคาเป้าหมายมาที่ 5 บาท จากเดิม 6.30 บาท