ลงทุนคือเอาทรัพย์สินเราเข้าไปเป็นทุน
กิจการเราเอง หรือกิจการร่วมทุนกับผู้อื่น
ผู้อื่นมีทั้งห้าง บริษัท และบริษัทมหาชน
พวกมหาชนมีทั้งเข้าในตลาดหลักทรัพย์และไม่เข้า
ในกระดานหุ้นเป็นบริษัทมหาชนทั้งนั้น
แล้วมีการลงทุนแบบตรงๆหรือแบบอนุพันในแต่ละตัว และลงทุนแบบอนาคตด้วย
คิดว่าอะไรดีในอนาคตก็เข้าลงทุนไว้ ไม่แน่ใจอย่ายุ่งคาดการลำบาก
การเข้าซื้อหุ้นตัวไหนมันก็คือเราสมัครใจว่าจะเลือกลงทุนกับบริษัทเขา โดยที่เราชอบกิจการเขา เราบางทีรู้อยู่แก่ใจว่ามันจะมีแววเจริญเติบโตได้ในอนาคต แต่ราคาหุ้นอาจรับรู้ความจริงไปแล้ว คือมันขึ้นมาแล้ว เพราะใครๆก็รู้ว่ามันดี ต่างเข้าซื้อจนราคากลายเป็นแพง นี่เรียกว่าซื้อตามความเป็นจริง
เราเข้าทีหลังไม่ได้ห่าอะไร มีแต่จะเจ๊ง คนซื้อมาแต่ก่อนเรามันขายเอากำไรสบาย เราเรียกว่า ขายตามความเป็นจริง
เป็นเรื่องที่ใครๆมักถามว่าดีจะตายแต่ซื้อหุ้นแล้วไม่ไปไหน
เงินลงทุนที่เราใส่ไปมันจะเข้าบริษัทที่เราซื้อหุ้น เขาจะเอาไปใช้บริหารงานเขา แล้วเราจะได้กำไรจากการซื้อหุ้นเขา
ซึ่งมี 2 แบบ คือ ปันผล และส่วนต่างราคา
ปันผลมันแบ่งจากกำไรมาให้ตรงๆ
ส่วนต่างราคามันได้จากการที่เราซื้อถูกขายแพง
ถ้าเราซื้อแล้วบริษัทมันผลงานไม่ดีเราอาจเสียใจกับการเจ๊งตามๆกันไป ดังนั้นเราจึงต้องคุ้นกับคำว่าเสี่ยง
ในการที่จะรู้ว่าผลงานบริษัทต่างๆดีเลวอย่างไร หรือมีข่าวสารที่มีผลต่อราคาหุ้น นั้น ต้องรู้พร้อมกัน
ดังนั้นทางบริษัทต้องมีคุณธรรมแจ้งเรื่องต่างๆให้ตลาดโดยตรงแล้วตลาดจะออกข่าวให้นักลงทุนทราบเรื่องพร้อมๆกัน
เหตุการที่ผู้บริหารรู้ว่าจะมีอะไรมากระทบต่อราคาห้นแล้วซื้อขายก่อนผิดกดเกนของตลาดครับ โดนปรับได้ นักลงทุนมันก็รังเกียจ
การสมัครเล่นหุ้นหรือให้หุ้นเล่นเรานั้น ต้องมีโบรคเคอ คอยกำกับดูแล เขาจะได้ช่วยเราจัดการซื้อขายหรือธุรกรรมต่างๆ
นักลงทุนต้องมีสมุดธนาคารไว้ฝากหรืหักเงินเพื่อชำระค่าหุ้น
เมื่อเราซื้อหุ้นวันนี้ นับพรุ่งนี้เป็น 1 ต่อไป 2 ต่อไป 3 วันที่3เขาจะตัดเงินในบัญชีเราไปชำระค่าหุ้น
แต่ในวันที่เราซื้อหุ้นเราขายไปแล้วมันหักลบได้เลย
โฉมหน้ามาเก็ตติ้ง
มีหุ้นที่วิ่งแรงในแต่ละวันเกินมาตรการเข้าข่ายต้องจำกัดการซื้อขายบางตัวเรียกว่า ติดการซื้อด้วยเงินสด ลูกค้าหรือนักลงทุนต้องวางเงินก่อนจึงจะซื้อได้ พวกที่มีอยู่ก่อนขายได้อย่างเดียว
นี่คือcash balance
การหากำไรจากกระดานมันยาก ไม่งั้นรวยกันทั่ว แล้วจะทำตัวอย่างไรจึงรวยได้ดีและเร็วๆ
หลายคนคิดอย่างว่า แล้วเจ๊งซะเยอะ มันคือความโลภครับ พระว่าโลภมากลาบหาย
เพราะลาบอยู่ใกล้กับชาวอีสานไม่ได้นานมันจะหายไปโดยเร็ว
คำว่าลงทุนนั้นมันต้องใช้เวลา เขายังไม่ได้ใช้เงินเรา เราดันจะไปเอากำไรจากเขา งกละสิ หุ้นหลายตัวพบว่ารายย่อยขายไปแล้วมันถึงได้ขึ้น จังไรบ่นว่ากูขายแล้วแม่งขึ้น
แล้วบางคนจังไรไปซื้อตอนข่าวดีมีแต่คนชม ซื้อแล้วราคาร่วงผลอย เสือกบ่นอีกว่าซวยชิบหายซื้อแล้วลง
เราขาดความยั้งคิดว่าเราได้มาราคานี้แล้วใครมันจะซื้อต่อจากเรา
ในตลาดมีหลากหลายความคิด แม้เรารู้ว่าแต่ละท่านล้วนมีความสำเร็จในชีวิตมาแล้ว
แต่ในกระดานไม่ใช่ครับ เช่นเดียวกับบนถนน คนเก่งตายห่าหมดแล้ว
คนไม่เก่งมันระวัง ไม่ยอมประมาทจึงรอด
วินัยทางการเงินจะทำให้พี่น้องนักลงทุนยืนหยัดอยู่ได้ และย่างเข้าไปในเขตการทำกำไรได้ต่อไป
ท่านต้องไม่หวั่นไหวต่อการกระเพื่อมดิ้นรนของราคา
คาถาที่ทำให้เราทั้งหลายไม่โลภจนเจ๊งบ๊งคือ เสียดายดีกว่าเสียใจ
ในยามที่หุ้นเราถืออยู่ราคาตกลง ทีแรกเห็นว่านิดหน่อย รอมันขึ้นมาแล้วค่อยขาย หรือรออาจได้กำไรนั้น บางทีมันมีแต่ต่ำลง ถ้าขายตั้งแต่ต้นซะก็ดี แค่เจ๊งนิดหน่อย 1-2% นานไปมันเจ๊ง10-20% มันไม่ใช่เรื่องจะมาขายแล้ว มันเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อของท่านอื่น พวกเขาขายมาตั้งแต่เราเข้าซื้อนั่นไง เราซ์้อเขาขาย เราขายเขาซื้อสวนทาง ควรดัดสันดานเราซะใหม่
การกำหนดจุดที่จะซื้อจะขายนั้น มันมีสิ่งหนึ่งที่เราใช้เป็นเครื่องมือนั่นคือ อินดิเคเตอร์ หรือกราฟ มันมีองประกอบหลากหลาย เราขาดการเรียนรู้เรื่องนี้ไม่ได้ แต่ผมงูๆปลาๆ ผมมักเอาเหตุผลประกอบกับทิศทางอินดิเคเตอ ร่วมตัดสินใจ แล้วคุยปรึกษากับเจ้าหน้าที่การตลาดอีก มาเก็ตติ้งนั่นแหละครับ ผมจะไม่มีการตักขาดทุน cut lost เพราะผมพร้อมเสมอในการเข้าซื้อไม่ที่ถูกกว่าต่อไป และผมไม่มีการปล่อยให้กำไรดำเนินต่อไป let profit run เพราะผมมีขายอีกถ้าหุ้นไปต่อครับ
ชมภาพมาเก็ตติ้งสาวครับ
มาเกตติ้งจะได้ค่าคอมมิชชั่นราว 0.1-0.25 % ในการซื้อและขาย แล้วแต่เราทำเองหรือให้เขาทำ หรือแล้วแต่ว่าปอดเงินสดหรือเครดิต
ในยามที่เรามีธุระเราสั่งไว้ได้ให้เขาซื้อขายให้เรา แต่จะตามระบบเขาจะมีบันทึกเสียงสนทนาคำสั่งไว้ด้วย
ในการพิจารณาตัดสินใจซื้อขายนั้นคนที่อยู่หน้าจอที่ราคาหุ้นวิ่งมักตกใจ ตกใจขาย ตกใจซื้อ แต่คนที่ซื้อแล้วไปทำธุระกิจอื่นอาจไม่รับรู้อารมณ์
แต่ถ้ามีจุดที่ตั้งใจซื้อขายไว้มันก็อีกแบบ
แล้วใช้วินัยทางการเงินมาบริหารปอด
ปอดคือ PORT คือหน้าตักเรา เงินเหลือเท่าไร มีหุ้นอะไรบ้าง
เราสั่งมาเก็ตติ้งทำรายการอะไรก็ได้ยกเว้นให้ซื้อเป็นต่างชาติเขาไม่ทำเขาว่าเราไม่ใช่ แต่เราเองทำได้นะ
การซื้อขายหุ้นมีทั้งก่อนตลาดเปิด 09.55 พักแล้วจะเปิด 14.25
และก่อนตลาดปิดหลัง 16.30 นอกนั้น10.00-16.30 เป็นเวลาปกติ
ผลกำไรจากการขายหุ้นมากน้อยคิดเป็น% จึงจะเทียบกันได้ดี บางที10 บาทมากกว่า 100 บาท
1กะตัง ขายได้ 2 กะตัง นั่นมันกำไร 100%
100บาทขายได้ 110บาทมันกำไรแค่ 10%
ความเหมาะสมในการลงทุนของแต่ละท่านอยู่ที่เงินทุนที่ท่านมี และความหวังของท่านตลอดจนสันดานประจำตัว
โอกาศที่หุ้น 0.01บาทจะขายได้ 0.02บาทมีบ่อย
แต่โอกาสที่หุ้น 100 บาทจะขายได้ 200บาทมันยากมาก มันเป็นไปได้แต่ต้องนานๆๆๆๆๆ
นักลงทุนมักมีหุ้นราคาต่ำบาทไว้ติดปอดเสมอ มันพลิกล็อกกำไรดีได้บ่อย
ไม่นานครับ ผมเข้าซื้อ IEC ทุกวัน วันละ นิดหน่อย ได้0.01-0.02บาทไม่แน่นอน พอได้ 60 ล้านตัว มันวิ่งไป 0.09บาท ผมขายเรี่ยราดไปทั่ว ผลกำไรทำให้เราได้รถเก๋งกับรถกระบะ อย่างละคัน
หุ้นราคาต่ำกว่าบาทเป็นหุ้นที่กิจการไม่ค่อยดีและไม่มีใครชอบ ไม่มีใครมองเหมือนแหนในคลอง จะเอาไปทำอะไรได้
หุ้นอย่างนี้มองแบบมีเหตุผลมันคือหุ้นที่เลวทรามต่ำช้าที่สุดแล้ว
จะหาอะไรมาเลวกว่านี้อีกยาก
สมรักนักมวยดังเคยเอ่ยว่ารักษาแช้มยากกว่าจะชกชนะใครเขา
มันกลับมาคิดถึงหุ้นที่ดีพร้อมทุกอย่าไม่มีที่ติ มีโอกาสที่ตกต่ำได้เสมอ เราไม่อาจเดาได้ เรียกว่าคากไม่ถึง
แต่หุ้นที่เลวทรามต่ำช้ามันมีโอกาสเติบโตได้ อย่างสง่างามได้เช่นกันครับ เราเรียกว่าหุ้นกลับฟื้นคืนชีพ TURN AROUND
หุ้นตัวเล็กราคาต่ำอาจราคาตกต่อไป ทำให้เราเจ๊งบ๊งได้นะ เจ๊งบ๊งเป็นมาตราวัดการขาดทุนครับ เจ๊งไม่ธรรมดาไง
หากจะเปรียบหุ้นที่ราคาต่ำๆกับแหนแล้วมันน่าจะเหมาะสมมาก
ในน้ำเชี่ยวแล้วแหนทรงตัวไม่ได้
แหนอยู่ในน้ำนิ่งได้ดี ถือเป็นอินทรีวัตถุที่มีประโยชน์ต่อการเกษตรเป็นอย่างมาก มันให้โปรตีนต่อพืชและสัตว์ในอัตราส่วนสูง
แหนที่ใครๆไม่เหลียวมองนั้นถ้ามีกอสวะเข้ามาใกล้แล้วร่วมชะตากรรมกันไป ทั้งคู่ก็จะมีความสุข คนเราฝันเล็กน้อยก็ขอให้เป็นจริง
แม้ยังไม่ถึงฝั่งฝันมันก็สุขใจ ดังเช่นแหนที่เติบโตออกดอกเต็มคลอง
พี่น้องที่เข้าลงทุนในกิจการต่างๆ ท่านเคยคิดบ้างไหม ท่านเป็นเจ้าของ ท่านจะไปชมเขาทำงาน หรือท่านไปชมกิจการแล้วท่านจะเข้าลงทุน
บริษัทต่างๆเขามีวันที่จะพานักลงทุนไปชมกิจการ เรียกopportunity day แต่ท่านอาจไปชมเองก็ได้ อย่าหลับหูหลับตา เอาตามข่าวลือ หรือตามใครแนะนำ
การลงทุนนั้นท่านตัดสินใจเอง มันเงินท่าน ใครอย่ามาออกข่าวลือว่าอะไรดีชั่ว ท่านต้องหนักแน่น
ใครว่าอะไรดีถามมันว่าโคตรพ่อโคตรแม่มึงซื้อหรือยัง ถ้ายังก็ไปซื้อไว้กูจะเอารถไปบรรทุกเงินให้ แล้วให้เครื่องมือทำพันกับเขาด้วย
ใครมาติเตียนบอกเขาว่าจะลองคบกันดูอย่ายุ่ง
เพื่อนร่วมทาง ชาวเกาหลีเหนือนั้นไม่อยากเปิดเผยชื่อเขา ไม่แน่อาจถูกสังหารได้เสมอ
ในตลาดหุ้นมีสิ่งที่สร้างความคึกคัก มีรสชาดให้นักลงทุนอย่างหนึ่ง คือข่าวลือ
ผลิตโดยเจ้ากรมข่าวลือ
ข่าวลือมาถึงท่านเมื่อไรมาถึงเราเมื่อไร มันไม่เป็นความลับแล้ว
ข่าวลือสร้างความสับสนให้นักลงทุนเป็นอย่างมาก ระยะที่มี มันจะทำให้เกิดความตื่นตระหนก บ้างขาย บ้างซื้อ
ข่าวลือของหุ้นตัวหนึงมีผลกับหุ้นตัวอื่นๆด้วย เพราะบางท่านขายทิ้งหุ้นตัวที่ถือเข้าไปเก็นหุ้นที่ร่วงแรงๆหวังเก็งกำไร
หุ้นตัวที่ถูกข่าวลือกระทบมันถูกขายหรือซื้อจำนวนมาก เพื่อให้สอดคล้องสมเหตุสมผล
เราควรเตรียมตัวไว้โดยมีวินัยทางการเงิน
วินัยทางการเงินจะต้องเคร่งครัดที่สุดโดยเฉพาะในยามดัชนีสูงส่ง
ดังนั้นการเข้าลงทุนระยะนี้ต้องระวังให้มากครับ
เมื่อท่านเปิดบัญชีซื้อขายแล้วท่านอย่าเพิ่งทำการซื้อขาย ท่านจงเอาเศษกระดาษมาลองลงทุนเล่นๆดู
ราว 1 สัปดา ท่านจะเข้าใจ แต่บังเอิญท่านได้กำไรดี ก็อย่าคิดว่าท่านเก่งท่านฉลาด เพราะทันทีที่คิดว่าตัวเองฉลาด ท่านจะโง่ทันที
คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดมันมักจะไม่ไขว่ค้วาสนใจหาความรู้
คนที่ว่าตัวมันโง่มันเสาะแสวงหาประสพการเพิ่มเติมบ่อยๆ
ชีวิตคนเราร่ำเรียนไม่มีจบสิ้น
มูลเหตุที่มีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ คือแนวคิดที่แตกต่างกัน บ้างก็ว่าราคานี่น่าเอา บ้างก็ว่าทิ้งดีกว่า บ้างรับข่าวสารพัดมา
จิตใจคนมันมีพื้นฐานที่แตกต่างดังจะแยกประเภทต่อไปนี้
เอกัตวินิจฉัยนิยม individaullism มันคิดว่าตัวมันเองเป็นหลักในการพิจารณาเสมอ
อนุรักนิยม conservetism นิยมการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป และส่วนใหญ่จะอยู่ตรงข้ามกับแนวคิดเสรีนิยม
เสรีนิยม liberallism ขอบความเป็นอิสระ
เพื่อนร่วมทาง ในแบบของเสียงอีเล็คโตรนิค เรียกว่าhasune miku
ร้อยพ่อพันแม่ที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น เป็นล้านแล้วนะ
ที่มีแนวทางดำเนินชีวิตที่ต่างกัน แล้วยังมีเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการลงทุนอีกเป็นเรื่องใหญ่คือการเปลี่ยนโฉมอำนาจรัฐ
รัฐบาลใหม่ที่ส่อแววว่าจะได้อำนาจบริหารเป็นฝ่ายไหน พวกพ้องของเขาทำกิจการอะไรอยู่ถ้ามีที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ควรซื้อหุ้นมันไว้ มันจะได้อานิสงจากการประมูลหรือทางสะดวกอื่นๆต่อไป
งานใหญ่ๆที่เคยพบว่าต้องทำจะมีพวกสาธารณุปโภคต่างๆ เข่นไฟฟ้า ประปา ถนน ชลประทาน
หุ้นที่มีกำไรดีจากทุกรัฐบาลคือยางมอตอย ส่วนพวกก่อสร้างนั้น มันต้องแบ่งกำไรกันระหว่างผู้รับเหมาที่ได้สัญญากับพวกบริษัทย่อยที่มารับช่วง
และพวกเขาต้องแบ่งให้ผู้มีอำนาจหรือนักการเมืองในแต่ละยุคเสมอไป
ดังนั้นจะพบว่าบางท่านที่เข้าบริหารกทม.แวบเดียวมีเงินเพิ่ม 100 ล้าน เงินเดือนห่าอะไรมันจะขนาดนั้น
บางท่านซื้อต้นปามต้นละหมื่น มึงทำไมไม่เอาดอกเข็มก็สวยแล้ว ค่าดูแลก็ไม่ต้องมาก ไอ้ที่เราสงสัยนั้นมันจริงทั้งนั้น
หุ้นพื้นฐาน คือหุ้นที่มีผลต่อความเจริญของประเทศ ใครลงทุนถือว่าช่วยชาติ เช่นหุ้นพลังงาน สนามบิน น้ำ ไฟฟ้า และธนาคารต่างๆ
หุ้นอย่างนี้พวกรายใหญ่และกองทุนมักสนใจเข้าถือครับ
หุ้นรัฐวิสาหกิจบางอย่างมันเจ๊งบ่อยเพราะฝ่ายบริหารมันเอาใจพนักงานเกินไป จ่ายสวัสดิการ+ค่าจ้างโบนัสจนเจ๊ง แล้วพวกที่ทำงานในที่เราเข้าไม่ถึงมันแดกกันเพลิน