ในโลกของการทำธุรกิจ ไม่ใช่ทุกคนที่เริ่มแล้วจะประสบความสำเร็จในทันที บางคนต้องล้มลุกคลุกคลาน ลองผิดลองถูก กว่าจะเข้าใจจังหวะเกมของการสร้างกิจการให้มั่นคงและยั่งยืน แต่จะดีแค่ไหน ถ้ามีโอกาสได้เรียนรู้จากคนที่เคยล้มมาแล้ว และลุกขึ้นมาได้อย่างสง่างาม เช่นเดียวกับคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้สร้างอาณาจักร CP ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก จากคนธรรมดาที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความชอบ แต่ด้วยความจำเป็น และเปลี่ยนให้กลายเป็นความเชี่ยวชาญ
.

สิ่งที่นักธุรกิจรุ่นใหม่หลายคนมีคือ "ไฟ" แต่สิ่งที่ยังขาดคือ "ชั่วโมงบิน" คุณธนินท์ได้สะท้อนว่า การมีไฟในการเริ่มธุรกิจไม่ใช่เรื่องยาก แต่การรักษาเปลวไฟนั้นให้ลุกต่อไปเรื่อย ๆ จนเกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่างหาก คือความท้าทายที่แท้จริง ดังนั้นประสบการณ์คือครูที่ดีที่สุด แต่มันอาจจะแพงเกินไปสำหรับบางคน ฉะนั้นการเรียนรู้จากผู้ที่ผ่านเส้นทางเหล่านั้นมาก่อน จึงเป็นเหมือน Shortcut ที่ช่วยลดระยะเวลาและความเสี่ยง
.
คุณธนินท์ ได้แชร์แง่มุมสำคัญเกี่ยวกับแนวคิด "ธุรกิจตัวเบา" (Lean Business) ว่าในยุคสมัยนี้ ไม่ใช่ทุกอย่างที่ต้องลงทุนมหาศาลหรือสร้างโครงสร้างที่ซับซ้อน เช่น การค้าขายเพชรผ่านออนไลน์เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ ใครจะคิดว่าเพชรซึ่งมีราคาสูงและต้องการความน่าเชื่อถือ สามารถขายได้โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน ใช้แค่ความคิดสร้างสรรค์ ระบบตรวจสอบคุณภาพระดับโลกและช่องทางดิจิทัล ก็สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้อย่างเหนือความคาดหมาย
.
แต่คำว่า "ตัวเบา" ไม่ได้แปลวว่า ไม่มีรากฐาน เพราะความสำเร็จที่แท้จริงยังคงขี่อยู่บนความมั่นคงของคนที่กล้าเป็น "ตัวหนัก" ในยุคก่อน นั่นคือคนที่เรียนรู้จากการลงมือทำเอง ทำจริง เจ็บจริง เสียเวลาและพลาดจริง ๆ แต่สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่หาไม่ได้จากห้องเรียน คุณธนินท์เปรียบเทียบให้เห็นว่า คนที่ทำของใหม่ได้ดี มักเกิดจากพื้นฐานของการเข้าใจในของเก่า และกล้าแตกต่างจากสิ่งที่เคยมีมาแล้ว
.
อีกหนึ่งบทเรียนจากคุณธนินท์ที่หลายคนไม่ควรมองข้ามคือ "ทีม" ธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ใช่ one man show ไม่ใช่ว่าผู้นำจะเก่งแค่ไหน หากไม่มีทีมที่รู้เรื่องไปด้วยกัน ก็ไม่มีทางไปได้ไกล ทุกคนในทีมต้องลงมือทำ เรียนรู้ และเติบโตไปพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจหรือแก้ปัญหา จะไม่ได้ไม่ต้องรอกันและกัน ความคล่องตัวในการทำงานจึงเกิดจากความเข้าใจร่วมกัน ไม่ใช่แค่ตำแหน่งหรือคำสั่ง
.
การให้โอกาสทีมงานได้ลองผิดลองถูกคือการลงทุนระยะยาว แม้จะไม่มีต้นทุน แต่ก็เป็นต้นทุนที่คุ้มค่ามหาศาล คุณธนินท์กล่าวว่า คนจะกล้าคิด กล้าทำ ก็ต่อเมื่อเขารู้ว่า "เจ้านาย" สนับสนุน ความมั่นใจในพื้นที่การแสดงออกจะกลายเป็นแรงผลักดันที่ไม่มีข้อจำกัด และในทางกลับกัน หากเขารู้สึกว่าไม่มีอนาคต หรือไม่สามารถเติบโตในองค์กรได้ เขาก็พร้อมจะย้ายไปที่อื่นเช่นกัน
.
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความขยัน ความอดทน และการไม่ยอมแพ้คือหัวใจของความสำเร็จ คุณธนินท์เตือนคนรุ่นใหม่ว่า ไฟแรงอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีวินัยในการใช้พลังงานด้วย เพราะถ้าเผาไหม้ตัวเองจนหมด ไม่มีเวลาให้กับการพักผ่อน หรือสุขภาพพังไปก่อน ถึงตอนนั้นก็ไม่มีแรงเหลือจะทำอะไรเลย สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การลงมือทำคือการบริหารและสุขภาพอย่างสมดุล
.
ย้อนกลับไปในวันแรกที่คุณธนินท์เริ่มต้นทำธุรกิจ ตอนนั้นอายุเพียง 25 ปี และต้องมาทำในสิ่งที่ไม่ชอบ แต่เขาเลือกที่จะเรียนรู้ให้รู้จริง เพราะมองว่า "ไหน ๆ ก็เสียเวลาแล้ว ต้องเอาให้คุ้ม" ซึ่งแนวคิดนี้กลายเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เขากลายเป็นผู้นำทางธุรกิจระดับประเทศ และเมื่อเวลาผ่านไป เขายิ่งชัดเจนว่า เวลามีค่ากว่าเงินเสมอ เพราะแม้จะรวยล้นฟ้า ก็ซื้อเวลากลับมาไม่ได้
.
สุดท้าย คุณธนินท์ได้ฝากข้อคิดสำคัญเรื่อง "การใช้กำไรอย่างรอบคอบ" ไว้ว่า เมื่อทำธุรกิจได้กำไรแล้ว อย่าพึ่งรีบนำไปใช้ส่วนตัวแบบไม่วางแผน เพราะความรู้สึกว่า "เหนื่อยมาตั้งนาน ขอใช้หน่อย" อาจเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวระยะยาว การรู้จักบริหารเงิน รู้จักยับยั้งชั่งใจ และมีวินัยทางการเงิน คืออีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญที่ผู้นำธุรกิจควรมี ไม่แพ้ความสามารถในการบริหารคน
.
บทเรียนจากคุณธนินท์ ไม่ใช่สูตรสำเร็จที่นำไปใช้ได้ทันทีทุกสถานการณ์ แต่อย่างน้อย มันคือ "แผนที่" ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่รู้ว่าจะต้องคิดแบบไหน รับมือกับอะไร และจะรักษาไฟในตัวเองได้อย่างระยะยาว ธุรกิจไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่เป็นผลลัพธ์จากการรู้จริง ทำจริง และคิดให้ลึกกว่าผิวเผิน
.
แล้วคุณล่ะ วันนี้กำลังใช้เวลาไปกับอะไรอยู่? มันคุ้มกับที่คุณต้องแลกมาหรือไม่?
.
.
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
ที่มา.. THE INSIDER - ดิ อินไซเดอร์